BRI บ้านแนวราบขายดี ลุย12โครงการ1.3หมื่นล.
BRI มองแนวโน้ม ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบในปี 2565 ฟื้น ลุยเปิด 12 โครงการแนวราบ มูลค่า 13,400 ล้านบาท พร้อม ตั้งเป้ายอดขายในปี 2565 ที่ 11,000 ล้านบาท โต 30% จากปีก่อน ชูกลยุทธ์ขยายสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การร่วมทุนกับพันธมิตร (JV) เสริมแกร่ง รวมถึงการปรับตัวสู่ดิจิทัล แพลตฟอร์ม
นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เปิดเผยว่า ในปี 2565 เตรียมเปิดโครงการแนวราบ 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 13,400 ล้านบาท จากเดิมจะเปิดตัว 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 10,800 ล้านบาท จากปัจจุบันบริษัทมีบ้านแนวราบที่อยู่ระหว่างการขายทั้งสิ้น 20 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 22,250 ล้านบาท
ด้วยการรุกพัฒนาโครงการในจังหวัดหัวเมืองเพิ่มขึ้น เน้นจังหวัดที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ จำนวนประชากรและความต้องการที่อยู่อาศัย เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตแก่คนในพื้นที่ ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของบริษัทที่เปิดโครงการพื้นที่ดังกล่าว ภาคตะวันออกและภาคกลาง โดย 12 โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้จะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 6 โครงการ และต่างจังหวัด 6 โครงการ
เป้ายอดขาย 1.1 หมื่นล.
ได้แก่ 1. โครงการบริทาเนีย ราชพฤกษ์-นครอินทร์ 2.บริทาเนีย โฮม บางนา กม.17 3. บริทาเนียทาวน์ บางนา กม.17 4. แกรนด์บริทาเนีย บางนา กม.35 5. บริทาเนีย อมตะ-พานทอง 6. แกรนด์ บริทาเนีย คูคต 7. บริทาเนีย อุดร-ดุษฎี 8. บริทาเนีย ระยอง 9. บริทาเนีย วงแหวน-ปิ่นเกล้า 10. บริทาเนีย ขอนแก่น 11. บริทาเนีย โฮม อยุธยา และ 12. บริทาเนีย ทาวน์ อยุธยา ทั้งนี้บริษัทวางเป้าหมายยอดขายในปี 2565 ที่ 11,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 30% จากปีก่อนที่มียอดขาย 8,300 ล้านบาท และวางเป้าหมายยอดรับรู้รายได้ 7,250 ล้านบาท โดยมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ ณ สิ้นปี 2564 แล้ว 1,204 ล้านบาท
นอกจากนี้ได้วางแผนล่วงหน้าเพื่อรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เช่น การเจรจาล็อกราคาวัสดุก่อสร้างกับพันธมิตร, เพิ่มประสิทธิภาพบริหารค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร เป็นต้น เพื่อลดผลกระทบจากการปรับราคาที่อยู่อาศัย
ตลาดอสังหาฟื้น
ขณะที่แนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบในปี 2565 คาดว่าจะเป็นปีแห่งการฟื้นตัวและเติบโตได้ดี เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณบวกในช่วงปลายปีที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลเริ่มเปิดประเทศ การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ การกระจายวัคซีน ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ผ่อนปรนหลักเกณฑ์กำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย (มาตรการ LTV) เป็นการชั่วคราว สามารถปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยรวมกับสินเชื่อที่เกี่ยวเนื่องได้ 100% ของมูลค่าหลักประกัน ส่งผลดีต่อการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์และความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดบ้านแนวราบ
ด้านแนวโน้ม GDP ปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโต 3-4% คาดว่าจะเห็นการพัฒนาโครงการกระจายตัวสู่พื้นที่รอบนอกของกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น จากการทยอยเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายใหม่ การขยายโครงข่ายคมนาคมเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่ภูมิภาคได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการมองเห็นโอกาสขยายทำเลเปิดโครงการใหม่ในจังหวัดหัวเมือง
ผนึกพันธมิตรเสริมแกร่ง
ส่วนแผนยุทธศาสตร์ปี 2565 จะมุ่งดำเนินธุรกิจภายใต้คอนเซ็ปต์ “Growth Together” ทั้งการขยายตลาดสู่ทำเลใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในจังหวัดภูมิภาคทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกและภาคกลางที่มีศักยภาพเติบโตสูง การร่วมทุนกับพันธมิตร (JV) การปรับตัวสู่ดิจิทัล แพลตฟอร์ม การพัฒนาระบบนิเวศ (Eco System) การให้คำแนะนำและสนับสนุน (Coaching & Support) เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพให้กับทุกภาคส่วน ทั้งลูกค้า พันธมิตร พาร์ตเนอร์และพนักงานของบริษัทส่งต่อองค์ความรู้ที่จะเพิ่มศักยภาพและปรับตัวรับยุค Next Normal เพื่อร่วมมือกับทุกภาคส่วนเติบโตอย่างมั่นคง
อย่างไรก็ตามบริษัทจะร่วมกับพันธมิตรตอกย้ำ “ผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย” โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาปรับใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต โดยการนำพลังงานทางเลือกเข้ามาใช้เพิ่มเติม ได้แก่ การพัฒนาโซลาร์รูฟท็อป และสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า จะเริ่มนำร่องทดลองใช้พื้นที่ส่วนกลาง อาคารสโมสร ของบ้านภายใต้แบรนด์ “แกรนด์ บริทาเนีย” เพื่อดูผลตอบรับก่อนขยายการติดตั้งไปยังพื้นที่หรือบ้านในแบรนด์อื่นๆ
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น