เอสซีฯ ชี้สัญญาณซื้อฟื้นลุยโปรเจครับนิวนอร์มอล
“เอสซี แอสเสท“ระบุสัญญาณซื้อบ้านกระเตื้อง หลังยอดขายแนวราบเม.ย.โต 79% ลุยเปิดโครงการแนวราบตามแผน 13 โครงการ ชูจุดขายรับนิวนอร์มอล เน้นพื้นที่ ตอบโจทย์การทำงานที่บ้าน
นายณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์ หัวหน้า สายงานการตลาด บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์แนวราบ ค่อนข้างดี แม้ว่า 2-3 เดือนแรกตลาดทรงตัว และยังมีปัจจัยลบทั้งมาตรการคุมเข้มสินเชื่อที่อยู่อาศัย (แอลทีวี) หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของสินเชื่อบ้านยังสูงขึ้นต่อเนื่อง และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ ไตรมาสแรกไม่ดีมากแค่ประคองตัวได้ เพราะทุกคนระมัดระวังในการจับจ่าย ใช้สอย
โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสแรก บริษัทมีรายได้รวม 3,313 ล้านบาท เติบโต 4% มาจากอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 3,071 ล้านบาท หรือคิดเป็น 93% แบ่งเป็นรายได้แนวราบ 1,829 ล้านบาท และรายได้คอนโดมิเนียม 1,243 ล้านบาท ส่วนอีก 7% เป็นรายได้จากการเช่าและบริการ มีกำไรสุทธิ 301 ล้านบาท โดยมียอดขายรวม 1,982 ล้านบาท
“ยอดขายแนวราบในเดือนเม.ย. เติบโต 79% เทียบเดือนเม.ย. และช่วงเดือนเม.ย. จนกระทั่งเดือนพ.ค. ตัวเลขยอดขายขึ้นพุ่งขึ้นสูงจากปกติที่ได้ ยอดขายแนวราบสัปดาห์ละ 300-500 ล้านบาทถือว่าดี แต่ปรากฏว่าสัปดาห์แรก เดือนพ.ค. ยอดขายพุ่งขึ้นไปที่ 800 ล้านบาทถือว่าดีมากเนื่องจากโควิดเริ่มคลี่คลาย”
นายณัฏฐกิตติ์ กล่าวว่า จากแนวโน้ม ดังกล่าวทำให้ยังคงเดินหน้าเปิดตัว โครงการตามแผนเดิมที่ตั้งไว้ว่า จะเปิดโครงการใหม่ 13 โครงการ มูลค่า 16,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 12 โครงการใหม่มูลค่า 12,500 ล้านบาท มีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์โฮม ซีรีย์ใหม่ทุกระดับราคาเริ่มต้น 2-50 ล้านบาท ทำเลภาวดี พระราม 5, แจ้งวัฒนะ, พระราม 9, พัฒนาการ, บางนา-อ่อนนุชและคอนโด 1 โครงการคือเดอะ เครสท์ พาร์ค เรสซิเดนซ์ มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท
นายณัฏฐกิตติ์ กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดบ้านเดี่ยวไม่ได้โตขึ้น แต่กำลังซื้อจะมาจากกลุ่มคนที่มีศักยภาพพร้อมซื้อ (เรียลดีมานด์) ฉะนั้นคนซื้อจะเลือกแบรนด์ที่อยู่ในใจ นอกจากนี้พฤติกรรมการเลือกซื้อบ้านจะให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอยในบ้านที่ต้องตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปหลังยุคโควิด-19 โดยเฉพาะต้องการพื้นที่ในการทำงานที่บ้าน และให้ความสำคัญกับการเว้นระยะห่างทางสังคม
“ที่ผ่านมาโครงการของเอสซี จะให้ความสำคัญกับพื้นที่ในบ้านมีพื้นที่ใช้สอยเยอะ เช่น บ้านราคา 5 ล้านบาทได้ 4 ห้องนอน ซึ่งเพียงพอที่จะทำงานที่บ้านได้สะดวกพร้อมกันสองคน มีพื้นที่เรียนออนไลน์อยู่บ้านได้ มีพื้นที่ สีเขียวให้พักสายตา ผ่อนคลาย ส่วนเรื่องความปลอดภัยในการเว้นระยะห่าง ทางสังคม”
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ