ผ่าอสังหาฯ ปี 65 หวั่นรัฐคุมโควิดไม่อยู่ ตลาดขยายตัวต่ำ 3-5%
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2564 ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยโดยตรง ทำให้การเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ ในพื้นที่ กทม.ปริมณฑล ลดลงถึง 20% อยู่ที่ 55,863 หน่วย มูลค่า 265,558 ล้านบาทเท่านั้น
ขณะปี 2565 “ลุมพินี วิสดอม” เปิด 3 คาดการณ์ทิศทางตลาด โดยประเมิน หากรัฐควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโอมิครอน (Omicron) และการออกมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ดี อาจทำให้ตลาดขยายตัวเติบโตได้ถึง 20% ในทางกลับกัน เหตุการณ์บานปลาย เลวร้ายสุด จะเหลือโตแค่ 3-5% เท่านั้น
นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (ลุมพินี วิสดอม) บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ระบุว่า บริษัทปรับคาดการณ์แนวโน้ม ตลาดอสังหาฯ ปี 2565 มาอยู่ที่อัตราการเติบโต 5-20% จากก่อนหน้าประเมินไว้ที่ 15-20% ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธ์ “โอมิครอน” ในช่วงปลายปี 2564 ต่อเนื่องมาถึงต้นปี 2565 ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาวะการค้าการลงทุน และห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ทั่วโลก รวมถึงเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก ที่เป็นเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและกำลังซื้อภายในประเทศ
โดยประเมินภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในปี 2565 ออกเป็น 3 ความเป็นไปได้ อ้างอิงจากการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2565 ของธนาคารโลก ธนาคารแห่งประเทศไทย และสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และความสามารถในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค ตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข
กรณีดีที่สุด (Base Case) เป็นกรณีที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของ โควิดได้ภายในไตรมาสแรกของปี ภาคการส่งออกเติบโตได้ 5-8% จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน เศรษฐกิจโลกเติบโตที่อัตรา 3.6% ตามการคาดการณ์ของธนาคารโลก และเศรษฐกิจไทยเติบโตที่ 3.6-4% ตามการคาดการณ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย และสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตลาดอสังหาฯ ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล มีแนวโน้มที่จะเติบโตในอัตรา 10-20% โดยคาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ 78,000-84,000 หน่วยคิดเป็นมูลค่า 292,000-318,000 ล้านบาท
กรณีเลวร้าย (Worst case) เป็นกรณีที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของ โควิดได้ในครึ่งแรกของปี 2565 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในอัตราที่ต่ำกว่า 3% ต่อปี ภาคการส่งออกเติบโตต่ำกว่า 5% จำนวนนักท่องเที่ยวน้อยกว่า 5 ล้านคน และ เศรษฐกิจโลกเติบโตน้อยกว่า 3.6% ตลาดอสังหาฯ จะมีอัตาการเติบโต 5-10%
โดยคาดว่า ผู้ประกอบการจะชะลอแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งแรกของปีมาอยู่ในครึ่งหลังของปี ทำให้จำนวนการเปิดตัวโครงการใหม่อยู่ที่ 66,000-78,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 278,000-292,000 ล้านบาท
กรณีเลวร้ายที่สุด (Worst Case) เป็นกรณีที่สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจโลก ภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตน้อยกว่า 2% ในปี 2565 ซึ่งจะทำให้ภาคอสังหาฯ มีอัตรการเติบโตอยู่ที่ 3-5% โดยคาดว่าจะมีจำนวนโครงการเปิดตัวใหม่ 60,000-66,000 หน่วย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 273,000-278,000 ล้านบาท
“ตลาดอสังหาฯ ปี 2565 นอกจากจะเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธ์ โอมิครอน ที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว หลังจากการเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่ แล้วยังต้องเผชิญกับภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงแตะระดับ 90% ของ GDP และความระมัดระวังในการอนุมัติสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงิน ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ ต้องปรับตัว และวางกลยุทธธุรกิจเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อและเพิ่มยอดขายอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ซื้อที่จะได้ซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคาที่เหมาะสม”
ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ