แสนสิริ ปั๊มโครงการใหม่ครึ่งแสนล. ปูพรมเจาะตลาดสินค้า AFFORDABLE

12 ม.ค. 2565 333 0

           แสนสิริ มองตลาดอสังหาฯ ปี 65 แม้มีปัจจัย แต่ยังห่วงเรื่อง สินค้าแพง โควิด หนี้ครัวเรือนพุ่งกระทบขอสินเชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” มั่นใจสงครามราคาอสังหาฯไม่รุนแรง หลัง 6-7 แบรนด์ใหญ่ในตลาดสภาพคล่องล้น ขณะที่แสนสิริ สินค้าคงค้างเหลือไม่ถึง 10,000 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าปูพรมเปิด 46 โครงการใหม่ มูลค่าครึ่งแสนล้านบาท กว่า 50% รุกขยายตลาดรับกลุ่มสินค้าAffordable ที่เข้าถึงกลุ่มคนซื้อที่อยู่อาศัย

          นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2565 ว่า ปีที่ผ่านมา เป็นปีที่หนักหน่วง สาหัสสากรรจ์มากสำหรับประเทศไทย ซึ่งในปีที่ผ่านมา เราคิดว่าจะเป็นปีแห่งความหวัง และเป็นปีที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเอง

          ซึ่งในเรื่องของเศรษฐกิจในปีนี้ เราก็มีความหวัง แต่กลับมีปัจจัยลบมาตั้งแต่ต้นปี ทั้งในเรื่องของสินค้าราคาแพง การระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่จะทำให้ตัวเลขการปฎิเสธสินเชื่อ (รีเจกต์เรต) เพิ่มสูงขึ้น

          “ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตลาดมีการถูกดูดซัปที่อยู่อาศัยไปค่องข้างมาก ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ 6-7 รายในตลาด มีสภาพคล่องที่สูง คงไม่มาเล่นเรื่องสงครามราคา ซึ่งแสนสิริ ไม่เน้นสงครามราคา เพราะเรามีความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน สภาพคล่องกว่า 15,000 ล้านบาท และสินค้าคงค้างของเราก็เหลือน้อย สต๊อกที่มีอยู่ไม่ถึง 10,000 ล้านบาท โดยเราจะให้ความสำคัญในเรื่องการบริการที่มีคุณภาพให้กับลูกค้า ทั้งนี้ ในมุมเรื่องของราคาวัสดุก่อสร้างและราคาที่ดินที่สูงขึ้น ก็คิดว่าไม่น่าจะมีผลต่อราคาบ้านแพงขึ้น “นายเศรษฐา กล่าว

          สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2564 ที่ผ่านมานั้น บริษัทฯมียอดขาย 33,500 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 29% หลักๆมาจากสินค้าโครงการแนวราบมีมูลค่าในสัดส่วน 65% และกลุ่มของคอนโดมิเนียม 35% (เป้ายอดขาย 26,000 ล้านบาท) และยอดโอน 32,500 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 21% จากเป้ายอดโอน 27,000 ล้านบาท ที่ได้วางไว้ ซึ่งสินค้าแนวราบมีผลงานที่สร้างยอดโอนได้ถึง 55% และ 45%ในกลุ่มแนวสูง ส่งผลให้บริษัทมีสภาพคล่องในระดับสูงถึง 15,000 ล้านบาท

          สำหรับทิศทางธุรกิจของแสนสิริในปีนี้ จะอยู่ภายใต้ 3 เป้าหมายสำคัญ ซึ่งเป็นกุญแจขับเคลื่อนองค์กร ได้แก่ PROFIT-PEOPLE-PLANET โดย Profit แสนสิริจะมุ่งสร้างรายได้และผลกำไรเพื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกส่วน ตามแผนเปิดตัว 46 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท หลักๆ จะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลประมาณ 90% และต่างจังหวัดลงมาเหลือ 10%  ซึ่งจะทำตลาดในกลุ่มแนวราบในสัดส่วนถึง 75% (28 โครงการ) และโครงการคอนโดฯ 25% (18 โครงการ) เป็นสินค้าของกลุ่ม Affordable Segment ถึง 50% เพื่อให้แสนสิริเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงง่าย

          ประกอบด้วย คอนโดฯ ราคาเข้าถึงได้ ภายใต้แบรนด์คอนโดฯ มี, เดอะ มูฟ, ดีคอนโด, เดอะ ไลน์ พร้อมไฮไลต์ด้วยการรุกคอนโดฯ แบรนด์ “เดอะ เบส” ซึ่งในปีนี้จะมีการเปิดตัว 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 4,500 ล้านบาท

         ขณะที่แนวราบ วางแผนเปิดตัวทาวน์โฮมราคาเข้าถึงง่าย แบรนด์ สิริ เพลส 8 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 6,100 ล้านบาท เปิดตัวบ้านและทาวน์โฮม แบรนด์ “อณาสิริ” รุกแบรนด์ “สราญสิริ” พร้อมเปิดบ้านเดี่ยวแบรนด์สราญสิริดีไซน์ใหม่ รวมถึงขยายตลาดระดับบนเปิดแบรนด์“บุราสิริ และเศรษฐสิริ"ต่อเนื่อง และเปิดตัวบ้านเดี่ยวระดับ Luxury แบรนด์ “นาราสิริ” 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 8,300 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายยอดขายและยอดโอนโครงการในปี 2565 ไว้ที่ 35,000 ล้านบาท  ปัจจุบันบริษัทมี แบ็กล็อก (รวมคอนโดฯ ร่วมทุน) อยู่ที่ 26,000 ล้านบาท

          นอกจากนี้ แสนสิริยังมองถึงแผน 3 ปี ด้วยเป้าหมายการเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่ารวม 150,000 ล้านบาท พร้อมเป้าหมายยอดขายรวม 120,000 ล้านบาทอีกด้วย

          กลยุทธ์ถัดมา คือ PEOPLE การดำเนินธุรกิจภายใต้ “YOUcentric” คุณทุกคนเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนที่สำคัญของแสนสิริ และกลยุทธ์สุดท้าย PLANET  มุ่งมั่นเดินหน้าในพันธกิจสีเขียว

          นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมถึงเป้า 3 ปี (2565-2567) ว่า บริษัทมีที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการทั้งหมดแล้ว พร้อมวางเป้าที่จะลงทุนจัดซื้อที่ดินในช่วง 2 ปีจากนี้ วงเงินราว 20,000 ล้านบาท

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย