SAลั่นปีหน้ารายได้โต4พันล้าน เตรียมเปิดใหม่ 5 โครงการ มูลค่าหมื่นล้าน 

15 ธ.ค. 2564 278 0

        “ไซมิส แอสเสท” พ้นจุดต่ำสุดแล้ว คาดไตรมาส 4/64 ฟื้น! ตั้งเป้าปี 65 รายได้โตไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท จากปีนี้คาดรายได้จบที่ 2,500 ล้านบาท ตุนแบ็กล็อก 4,338 ล้านบาท กินยาว 2-3 ปี เตรียมเปิดใหม่ 5 โครงการ มูลค่ารวม 10,017 ล้านบาท

          นายสุพล จงจินตรักษา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงินและบัญชี บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/2564 จะเติบโตดีขึ้นจากไตรมาส 3/2564 ซึ่งเป็นไตรมาสที่ต่ำสุด เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยในช่วงไตรมาส 4/2564 มีปัจจัยบวกจากการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงการผ่อนปรนมาตรการ LTV

          ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในปี 2564 น่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,500 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,641.14 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-กันยายน 2564) บริษัทมีรายได้รวมแล้ว 1,898.08 ล้านบาท

          ขณะที่ ในปี 2565 บริษัทประเมินว่ารายได้รวมน่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่าระดับ 4,000 ล้านบาท ซึ่ง ณ สิ้นไตรมาส 3/2564 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวม 4,338 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วง 2-3 ปีจากนี้ (2564-2566) ขณะเดียวกันบริษัทยังมีสินค้าพร้อมโอน (Ready to Move) มูลค่ารวม 5,060 ล้านบาท และมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในมือมูลค่ารวมประมาณ 21,320 ล้านบาท

          นอกจากนี้ ในปี 2565 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 10,017 ล้านบาท ซึ่งมีที่ดินรองรับแล้วทั้งหมด แบ่งเป็น ในไตรมาส 1/2565 เปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการ Landmark @ Kasetsart มูลค่าโครงการ 1,714 ล้านบาท, ไตรมาส 2/2565 เปิดตัวบ้านเดี่ยว มูลค่าโครงการ 1,895 ล้านบาท ส่วนอีก 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6,408 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบทั้งหมด ในทำเลรังสิต, พระราม 5 และพุทธมณฑล ซึ่งจะเปิดตัวในไตรมาส 4/2565

          นายสุพล กล่าวอีกว่า บริษัทได้ปรับกลยุทธ์กระจายการรับรู้รายได้ โดยการแบ่งธุรกิจเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งยังคงเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้กับบริษัท โดยในปี 2565 จะมีสัดส่วนรายได้ที่ประมาณ 90% จากปัจจุบันอยู่ที่ 95% 2.กลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ ซึ่งในปี 2565 จะมีการเปิดตัวโรงแรมเต็มรูปแบบอย่างเป็นทางการ 4 แห่ง และจะมีสัดส่วนรายได้ที่ประมาณ 5%

          ขณะที่ สัดส่วนรายได้ที่เหลืออีก 5% จะมาจาก 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 3.กลุ่มธุรกิจอาหาร ในปี 2565 บริษัทจะขยายร้านอาหารเพิ่มขึ้น และจะเพิ่ม 6 แบรนด์ใหม่เข้ามาเสริมพอร์ต, 4.กลุ่มธุรกิจ Health & Wellness ในปี 2565 จะมีการเปิดสปาในโรงแรมทั้ง 4 แห่ง และจะมีการร่วมมือกับทีมแพทย์ให้บริการแบบ Telemedical Services กับลูกบ้าน 5.กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี ซึ่งบริษัทจะเน้นขยายเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับพลังงานทดแทน เช่น EV (Electric Vehicle), โซลาร์ (Solar) เป็นต้น และ 6.กลุ่มธุรกิจบริหารสินทรัพย์ หรือ AMC ซึ่งคาดว่าในไตรมาส 2/2565 จะสามารถยื่นขอใบอนุญาตต่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ และจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/2565 เป็นต้นไป



 

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย