CPN อัด3,000ล.ลุยอสังหาฯปี65
เซ็นทรัลพัฒนาเดินเกมปีละ 20,000 ล้านบาท ลุยอสังหาฯ ต่อเนื่อง ชูโมเดลมิกซ์ยูส เผยปีหน้าอัด 3,000 ล้าน กับ 6 โครงการที่อยู่อาศัย ทั้งคอนโดฯ และบ้านจัดสรร พร้อมเปิดตัวคอนโดฯ “เอสเซ็นท์ วิลล์ อยุธยา”
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เซ็นทรัลพัฒนา พร้อมเดินหน้าลงทุนโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ด้วยงบประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปี ในการพัฒนาศูนย์การค้า, โครงการที่อยู่อาศัย, โรงแรม และอาคารออฟฟิศ
ช่วงไตรมาส 4 ต่อเนื่องถึงปี 2565 นี้ เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวกำลังรอจังหวะกลับมากระเตื้องขึ้นอีกครั้ง แม้จะมีโควิดสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น แต่เชื่อว่าจะกระทบน้อย ซึ่งบริษัทได้วางแผนการดำเนินธุรกิจและกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อรับโอกาสเมื่อนักท่องเที่ยวกลับมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพ จึงสร้างแพลตฟอร์มที่จะช่วยกระจายเม็ดเงินตรงนี้ให้เข้าถึงชุมชนและทุกคนใน Ecosystem อย่างทั่วถึงมากขึ้น ล่าสุดพร้อมเปิดให้บริการ “เซ็นทรัล อยุธยา” โครงการมิกซ์ยูสสปอตไลท์ระดับโลก มูลค่า 6,200 ล้านบาท เปิดให้บริการในส่วนศูนย์ การค้าแล้วอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 พ.ย. 64
ร.อ.กรี เดชชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ฝ่ายพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ยังคงยึดหลักการพัฒนาโครงการที่ไปคู่กับศูนย์การค้า หากทำเลหรือพื้นที่มีศักยภาพมากๆ จะมีการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรด้วย โดยในปี 2565 นี้ เตรียมใช้งบราว 2,000-3,000 ล้านบาท (ไม่รวมที่ดิน) พัฒนาที่อยู่อาศัย 6 โครงการ เป็นคอนโดมิเนียม 4 โครงการ และบ้านจัดสรร 2 โครงการ ซึ่งโครงการบ้านจัดสรร จะอยู่ห่างศูนย์การค้าราว 5-10 ก.ม.
โครงการล่าสุด คือ “เอสเซ็นท์ วิลล์ อยุธยา” เป็นโครงการที่ 20 และเป็นแบรนด์หัวหอกในการรุกตลาดอสังหาฯ ในต่างจังหวัด เพื่อเติบโตไป พร้อมกับมิกซ์ยูสโปรเจกต์และศูนย์การค้าของ เซ็นทรัลพัฒนา ช่วยเพิ่มมูลค่าที่ดินให้สูงขึ้นประมาณ 20% ในปีนี้ และจะขึ้นอีก 5-10% ภายใน 5 ปี “เอสเซ็นท์ พัฒนามาแล้ว 12 โครงการ ใน 8 จังหวัด ส่วนใหญ่ขายหมดในครึ่งปี แต่จากสถานการณ์โควิดเกิดขึ้น ระยะการขายน่าจะยืดออกไปเป็น 1 ปี
สำหรับ เอสเซ็นท์ วิลล์ อยุธยา ถือเป็น ไฮเอนด์คอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเดียวกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล ที่มีกำลังซื้อสูง และกลุ่มข้าราชการระดับสูงของจังหวัด ซื้อเป็นที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 สัดส่วน 80% และซื้อเป็นบ้านหลังแรก 20% ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง จะมี 2 อาคาร เฉลี่ยลงทุน 500 ล้านบาท/อาคาร (ไม่รวมที่ดิน) คาดว่าจะใช้เวลา 2 ปีจึงจะแล้วเสร็จ ประกอบด้วย 1. มิกซ์ยูสคอนโดฯ สำหรับกลุ่มนักลงทุน เรามี C-Agent ที่ให้บริการ ซื้อ-ขาย-ฝาก-เช่า เพื่อ ผลักดันให้เกิด Yield ให้ได้ประมาณ 5% ต่อปี จับกลุ่มเป้าหมายใหม่ Ayutthaya Elite 80% และต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น 20% มี 14 ชั้น 396 ยูนิต ขนาด 1 ห้องนอน 28-32 ตร.ม. เริ่ม 1.9 ล้าน และขนาด 2 ห้องนอน 55 ตร.ม. เริ่ม 3.7 ล้าน บาท
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา