ORI ปั้นโทเคนชัดธ.ค. คริปโทซื้ออสังหาบูม 

16 พ.ย. 2564 291 0

          ORI ได้ลูกค้าสายคริปโท ชี้แห่ใช้ บิทคอยน์-อีเธอเรียม-เทเทอร์ ซื้ออสังหา ต่อเนื่อง สบช่องออก Utility Token ชัดเจน ธันวาคมนี้ มองเป็นเทรนด์ที่ต้องมา ชี้อสังหาไตรมาส 4/2564 คึกกำลังซื้อมา ผ่อนคลาย LTV กระตุ้นกำลังซื้อทยอยโอนกรรมสิทธิ์เพิ่ม 4 โครงการ มั่นใจรายได้ 2564 ตามเป้าหมาย 14,000 ล้านบาท โบรกยังแนะซื้อเป้า 15 บาท

          นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร เปิดเผย ว่า บริษัทเตรียมที่จะออกโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) ใช้ในระบบนิเวศของบริษัท เพื่อมีบทบาทมากยิ่งขึ้น

          หลังจากที่ผ่านมาได้เปิดให้ซื้อขายบ้านและคอนโด ด้วยคริปโทเคอร์เรนซี ผ่านเหรียญ 3 สกุล ที่ ได้รับความนิยมจากทั้งสายเทรดและสายฟาร์ม และ มีโอกาสเติบโตในอนาคต ได้แก่ อีเธอเรียม (Ethereum- ETH) เทเทอร์ (Tether USD-USDT) และ บิทคอยน์ (Bitcoin-BTC) โดยผู้ซื้อสามารถชำระผ่าน Wallet จากบัญชี Bitkub ในการซื้อบ้านจัดสรร ทาวน์โฮม บ้านแฝด บ้านเดี่ยวแบรนด์ ไบรตัน (Brighton) บริทาเนีย (Britania) แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) และบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่เบลกราเวีย (Belgravia) รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งได้ รับกระแสตอบรับที่ดีมาก มีการใช้เหรียญมาซื้ออสังหาริมทรัพย์จริง

          ทั้งนี้คาดว่า Utility Token ของบริษัทจะเห็นความชัดเจนในช่วงเดือนธันวาคม 2564 อย่างไรก็ดีบริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำแผนธุรกิจปี 2565 คาดว่า จะชัดเจนในช่วงต้นปี 2565

          แนวโน้มอสังหาโดดเด่น

          สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไตรมาส 4/2564 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับจากหลายปัจจัย อาทิ ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ที่ลดลง การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และมาตรการเคอร์ฟิว ส่งผลให้ผู้คนกลับมา ใช้ชีวิตได้ตามปกติมากขึ้น ภาพรวมกำลังซื้อจึงค่อยๆ ดีขึ้น การผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเป็นการชั่วคราว ปรับเพดานอัตราส่วนสินเชื่อ ต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV Ratio) กลับสู่ระดับ 100% จนถึงสิ้นปี 2565 ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจ และมีขีดความสามารถในการซื้ออสังหาริมทรัพย์มากขึ้น

          โดยในส่วนของบริษัทจะมีโครงการสร้างเสร็จใหม่พร้อมทยอยโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มเติม 4 โครงการ ได้แก่ 1.พาร์ค ออริจิ้น พญาไท (PARK ORIGIN Phayathai) 2.นอตติ้ง ฮิลล์ ระยอง (Notting Hill Rayong) 3.แกรนด์ บริทาเนีย สุวรรณภูมิ (Grand Britania Suvarnabhumi) 4.บริทาเนีย ติวานนท์ ราชพฤกษ์ (Britania Tiwanon-Ratchapruek) จึงทำให้บริษัทมั่นใจว่าภาพรวมรายได้ปี 2564 จะยังคง เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 14,000 ล้านบาท บริษัท ได้เตรียมกลยุทธ์กระตุ้นการตัดสินใจซื้อตลอดไตรมาส 4/2564

          ผลงานแกร่งฝ่าโควิด

          สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2564 (ม.ค.-ก.ย. 2564) อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 11,794 ล้านบาท เติบโตขึ้น 43% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 (%YoY) ส่งผลให้รายได้รวมขณะนี้คิดเป็น 84% ของเป้ารายได้ทั้งปี 2564 ขณะเดียวกัน มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,386 ล้านบาท เติบโตขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 (%YoY) โดยผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2564 มีรายได้ รวมอยู่ที่ 4,123 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 709 ล้านบาท ออริจิ้นเองพยายามวางรากฐานด้านต่างๆ ของบริษัทให้แข็งแรง นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดระลอกแรก ทำให้สามารถปรับตัวได้เร็วและยังคงรักษาระดับผลการดำเนินงานไว้ได้ภายใต้ความท้าทาย

          ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ระบุถึง ORI ว่า ยังคงกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 3.2 พันล้านบาท เติบโต 20% โดยกำไร 9 เดือนแรก คิดเป็น 75% ของทั้งปี ส่วน ไตรมาส 4/2564 จะปรับตัวดีขึ้นทั้งจากช่วงเดียวกันปีก่อน และจากไตรมาส ก่อนหน้า จากกำลังซื้อที่ฟื้นตัว และมีคอนโดใหม่และแนวราบโอนต่อเนื่อง

          ทั้งนี้ยังคงแนะนำ “ซื้อ” จากกำไรไตรมาส 4/2564 ที่จะกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้น และกำไรปี 2564-2565 จะยังทำสถิติสูงสุดใหม่ เติบโตเฉลี่ยต่อปี 17% รวมถึงยังมีอัพไซด์ จากความคืบหน้าของธุรกิจใหม่ได้อีก ด้านราคาปัจจุบันยังน่าสนใจเทรดที่ 2565 PER เพียง 7.8 เท่า เทียบเท่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ยังคงแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 15.00 บาท

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย