หุ้นกลุ่มอสังหาฯคึกอีกรอบหลังแบงก์ชาติผ่อนเกณฑ์LTV
หุ้นกลุ่มอสังหาฯ คึก หลังแบงก์ชาติผ่อนเกณฑ์ LTV ให้ผู้ซื้อบ้าน ส่งผลให้หุ้นหลายตัวในกลุ่มคักคัก โบรกเกอร์ คาดอานิสงส์เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มนี้ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องไปจนตลอดปี 2565 และส่งผลดีอย่างมีนัยสำคัญต่ออัตราดูดซับอุปทานทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม หนุนผลประกอบการ กลุ่มเติบโต ให้ AP-SPALI- ORI เป็น หุ้นเด่นในกลุ่ม
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์คึกคักรับข่าว ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนผันให้กู้บ้านได้100% ทำให้แรงซื้อหุ้นกลุ่มอสังหาฯเข้ามาอย่างผิดหูผิดตา โดย บมจ.ศุภาลัยหรือ SPALI แซงเข้ามาติด 1 ใน 5 ของหุ้นกลุ่ม SET 100 ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก และยังติดหุ้นที่มี ราคาบวกเพิ่มสูงสุด 5 อันดับแรกด้วย และยังมี ORI พ่วงมาด้วย นอกจากนี้ ยังมี SAMCO หรือ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) และ PRECHA หรือบริษัท ปรีชากรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่หุ้นติดโผราคาเพิ่มขึ้น 2 อันดับแรกตามลำดับ
บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) ประเมินหุ้นกลุ่มอสังหาฯ หลังจากรัฐผ่อนคลายมาตรการ Loan-to-value (LTV) ไปจนถึงสิ้นปี 2565 เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2564 ธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) ได้ผ่อนคลายเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อจดจำนองชั่วคราว (Figure 1) เพื่อสนับสนุนผู้ซื้อบ้านหลังแรกและหลังที่สอง รวมถึงกระตุ้นการฟื้นตัวของงเศรษฐกิจในช่วงที่ COVID-19 ระบาดอยู่โดยการผ่อนคลายเกณฑ์ดังกล่าวดังกล่าวมีผลต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี 65 โดยประเด็นสำคัญที่มีการปรับได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าต่ำกว่า 10 ล้านบาท ผู้ที่ซื้อบ้านหลังแรกยังคงสามารถขอสินเชื่อจดจำนองได้ถึง 100% ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ผู้ซื้อบ้านหลังที่สองสามารถยื่นขอสินเชื่อจำนองได้ถึง 100% (จากเดิมที่ 70% ถึง 90%)
อีกทั้งอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าเกิน 10 ล้านบาทผู้ซื้อสามารถ ยื่นขอสินเชื่อจำนองได้ถึง 100% ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ (จากเดิมที่ 70% ถึง 90%) คาดอานิสงส์เชิงบวกต่อ หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องไปจนตลอดปี 2565F ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มผ่อนคลายความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ จึงมีมุมมองเชิงบวกต่อการผอนคลายเกณฑ์ LTV ซึ่งได้จังหวะพอดีกับที่จะช่วยสนับสนุนกำลังซื้อของผู้ซื้อพอที่จะปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เป็น Overweight (จาก Neutral) เนื่องจากคาดช่วงที่เลวร้ายที่สุด ซึ่งหลังจากที่หุ้นกลุ่มนี้ เผชิญกับอุปสรรคหลายประการในไตรมาส 3 ปีนี้ (เช่นการเลื่อน เปิดโครงการใหม่, และการปิดแคมป์ก่อสร้างในเดือนกรกฎาคม 2564)
โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้นในไตรมาส 4 ปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะสร้างสภาวะเชิงบวกให้กับราคาหุ้นในกลุ่ม จึงแนะนำให้ลงทุนระยะยาว ซื้อสะสมหุ้นอสังหาริมทรัพย์เพื่อเกาะกระแสบวกและปัจจัยพื้นฐานที่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวขึ้นไปจนถึงปี 2565F บล.เคจีไอ ชอบหุ้นที่ยังมีแผนลงทุนอย่างต่อเนื่อง, มียอดขายโครงการประเภทอาคารสูงโดยไม่มีประเด็นสินค้าล้าสมัย รายได้และงานในมือแข็งแกร่งชัดเจนในปี 2564-65F หุ้นเด่นของกลุ่มคือ Origin Property (ORI.BK/ORI TB) (แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 13.50 บาท), Supalai (SPALI.BK/PSALI TB) (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 27.50 บาท), AP (Thailand) (AP.BK/AP TB) (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 11.50 บาท) และ Pruksa Holding(PSH.BK/PSH TB) (แนะนำ ซื้อราคาเป้าหมาย 15.50 บาท)
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่าการปลดล็อกมาตรการ LTV เป็น 100% สำหรับการซื้อสังหาริมทรัพย์หลังที่ 2 ขึ้นไป คาดส่งผลบวกอย่างมีนัยสำคัญต่ออัตราดูดซับอุปทานทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม เบื้องต้นเป็นผลบวกต่อผลประกอบการปี 2565 ของกลุ่มราว 10-15% (สัดส่วนการซื้อบ้านหลังที่ 2 ขึ้นไปก่อนมาตรการ LTV บังคับใช้ในปี 2562 อยู่ที่ราว 20%)
ทั้งนี้ ยังชื่นชอบผู้เล่นที่มีการกระจายตัวของรายได้ทั้งแนวราบและแนวสูง เนื่อง จากคาดได้แรงหนุนจากการเก็งกำไรของนักลงทุน อสังหาริมทรัพย์ที่หายไปในช่วงปี 2562-2564 โดยหุ้นเด่นของกลุ่ม ได้แก่ AP ราคาเหมาะสม 10.90 บาทต่อหุ้น ORI 13.40 บาทต่อหุ้น และ SPALI 24.80 บาทต่อหุ้น จากการมีสัดส่วนทั้งแนวราบและแนวสูง ขณะที่ราคาหุ้นยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจและผลประกอบการปี 2565 มีแนวโน้มที่จะเติบโตโดดเด่นกว่ากลุ่ม
ที่มา: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา