กำลังซื้อ ที่อยู่อาศัย โซนบางนา-กิ่งแก้วชะงัก ลูกค้าผวาบึ้มเพลิงไหม้ รง. แนะอสังหาฯ ต้องคิดเผื่อ โครงการใกล้ทำเลมลภาวะ 

08 ก.ค. 2564 361 0

          อสังหาริมทรัพย์

          ในสถานการณ์ที่ประเทศไทย ยังเจอสถานการณ์การระบาดของเชื่อไวรัสโควิด-19 ตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับที่สูง ผู้คนยังต้องทามาหากินท่ามกลางความวิตกกังวลต่อการระบาดของโควิด-19 และสภาพเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง ส่งผลให้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยชะลอตัวลง ในขณะที่นโยบายภาครัฐ ได้มีการป้องกันเรื่องระบาดโควิด โดยมีการปิดล็อกแคมป์คนงานก่อสร้างชั่วครว 1 เดือน เพื่อป้องกันการระบาดของคลัสเตอร์โควิด-19

          และจากเหตุการณ์เกิดการระเบิดและเกิดเพลิงไหม้อย่างหนักภายในบริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเม็ดโฟมและพลาสติก ในซอยกิ่งแก้ว 21 ถนนกิ่งแก้ว ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อเวลา 03.09 น. ของวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา และล่าสุด สามารถควบคุมเพลิงได้ แต่ยังมีกลุ่มควันอยู่ ซึ่งในบริเวณดังกล่าว มีโครงการบ้านจัดสรรอยู่ในบริเวณดังกล่าว ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด ขณะเดียวกัน อาจส่งผลให้เกิดการกระจายและปนเปือนของสารพิษในอากาศ ประกอบด้วย สารสไตรีน (Styrene) ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และ ก๊าซฟอร์มัลดีไฮด์ (HCHO) ซึ่งมีผลต่อระบบทางเดินหายใจ

          พิษ รง.ระเบิดกระทบกำลังซื้อบ้านโซนบางนาผวา!โครงการใหม่ใกล้แหล่งมลภาวะหรือไม่!

          ต่อกรณีดังกล่าว นางสาว สุมิตรา วงภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์ร่า มีเดีย แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด (เว็บไซต์ www.terrabkk .com) ให้ความเห็นกับผู้สื่อข่าวว่า ทำเลอสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันออกของกรุงเทพฯ มีการเติบโตของโครงการที่อยู่อาศัย และยังเป็นเขตอุตสาหกรรมมาก่อน แต่จากเหตุการณ์ดังกล่าว อาจทำให้คนกังวลมากขึ้น การเลือกที่อยู่อาศัยในโซนตะวันออกของกรุงเทพฯ และอาจจะเป็นตัวเบรกยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยในโซนดังกล่าว ขณะที่ยอดโอน คงไม่ถูกระทบมากนัก เพราะยังมีความต้องการ (ดีมานด์) อยู่

          “ต้องเตือนผู้บริโภคถึงความเสี่ยง เพราะทำเลบางนา กลายเป็นอีกทำเลของโครงการบ้านหรู ใกล้ทางด่วน ใกล้เมกาบางนา ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่มาซื้อ จะหลบจากกรุงเทพฯมาอยู่บริเวณดังกล่าว เนื่องจากราคาที่อยู่อาศัยในเมืองจะแพงกว่าโซนบางนา ประกอบกับราคาที่ดินในโซนบางนายังพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยได้ และยังมีโอกาสไปเชื่อมกับโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี แต่สิ่งที่ต้องระวัง คือ บรรดา ดีเวลลอปเปอร์ ต้องคิดเผื่อโครงการที่อาจจะอยู่ในทำเลมลภาวะ ดังนั้นโครงการที่จะเปิดใหม่ จะต้องคิดถึงระบบป้องกัน เช่น  ระบบเทคโนโลยีทางด้าน IOT และความปลอดภัย ทิศทางลมเป็นอย่างไร “

          ทั้งนี้ TERRABKK ได้รายงานผลวิจัยถึงตำแหน่งโครงการที่อยู่อาศัยที่ยังเปิดขาย เทียบกับรัศมีจุดโรงงานระเบิด ระยะ 5 กม.และ 5-10 กม. โดยพบว่า มีทั้งหมด 189 โครงการ ซึ่งโครงการที่อยู่อาศัยในรัศมี 5 กม.มีจำนวน 56 โครงการ ขณะที่มีอีก 133 โครงการที่อยู่อาศัยจะอยู่รัศมี 5-10 กม.เป็นระยะที่มีความปลอดภัยอยู่

          โดยพบว่า ผู้ประกอบการที่มีหน่วยขายมากที่สุด 6 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท อารียา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน), บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน), บริษัทเอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน), บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ขณะที่บริษัทอสังหาฯที่ ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้แก่ บริษัท ไชน์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(Hishine) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากประเทศจีน และบริษัทมานะ พัฒนาการ จำกัด (MANA) บริษัทในเครือของบริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) (NWR) (พิจารณาตารางประกอบ)

          วิเคราะห์ “ตลาดที่อยู่อาศัย” ใกล้นิคมอุตฯยังปลอดภัย

          นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด เปิดเผยว่า หากเหตุเพลิงไหม้จบ หรือทุกอย่างเรียบร้อย คงจะไม่ส่งผลกระทบต่อ ภาพรวมเรื่องการอยู่อาศัย แต่ในระยะสั้นจนไปถึงสิ้นปี 2564 ผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย จะชะลอการตัดสินใจ ทำให้กำลังซื้อที่อยู่อาศัยชะงักได้หรือลูกค้าบางราย เช่น กำลังมองหาบ้านราคาแพง 7-10 ล้านบาทอาจจะเริ่มมองหาทำเลอื่นที่ปลอดภัย เช่น โซนทิศใต้ของบางนา-ตราดมีโครงการบ้านหรูที่มีระดับราคาใกล้เคียงกับโซนกิ่งแก้ว

          “ถนนกิ่งแก้วมีโครงการบ้านจัดสรรเกือบทุกแบรนด์ ราคาขายบ้านในโซนนี้ คงไม่ได้อยู่ในช่วงขาขึ้นในระยะนี้ ผู้ประกอบการต้องมีการ อัดโปรโมชันเพื่อกระตุ้นยอดขาย หลังจากเหตุเพลิงไหม้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว” นายสุรเชษฐ กล่าว

          ในส่วนของโครงการที่อยู่อาศัย ที่ให้น้ำหนักหรือขยายการลงทุนไปเจาะตลาดกำลังซื้อบริเวณใกล้นิคมอุตสาหกรรมนั้นว่า  แน่นอน ลูกค้าต้องมีการสอบถามก่อนซื้อกับทางโครงการถึงเรื่องความปลอดภัย แต่ในมุมของนิคมอุตสาหกรรมคงไม่กระทบเท่ากับกิ่งแก้ว เพราะในนิคมฯมีมาตรฐานที่สูง มีแนวกั้นไฟและกันระเบิดที่หนาแน่น ขณะที่บริเวณ กิ่งแก้วเป็นพื้นที่โกดังเก็บของ โรงงานขนาดย่อมกระจายอยู่เป็นจำนวนมากสิ่งที่เป็นห่วง คือ โรงงานที่อยู่นอกนิคมอุตสาหกรรมจะบริหารจัดการอย่างไร แต่ก็ต้องยอมรับว่า การขยายของเมือง ความต้องการที่อยู่อาศัยมีมาก ทำให้ผู้ประกอบการเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก เพื่อรองรับกำลังซื้อ ทำให้เมืองลามเข้าไปในเขตอุตฯที่มี มานานแล้ว

          ด้าน รศ.มานพ พงศทัต อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ภาควิชาเคหการคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า คนงานส่วนใหญ่ที่อยู่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรมนั้น จะเลือกเช่าที่อยู่อาศัยใกล้แหล่งโรงงาน ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว กลุ่มผู้ซื้อในโรงงานอาจจะไม่กระทบต่อกำลังซื้อที่อยู่อาศัย และหากโรงงานมีแนวโน้มจะย้ายไปอยู่ในพื้นที่อื่น เช่น อีอีซี แรงงานเหล่านี้ จะเคลื่อนย้ายไปที่แหล่งงานใหม่ การจะซื้อที่อยู่อาศัยเลย จะกลายเป็นภาระของกลุ่มผู้คนที่ใช้แรงงาน

          “ภาพรวมก็มีปัญหา เช่น เรื่องความปลอดภัยในการใช้ที่ดิน สิ่งที่เราจะเห็น ผังเมืองจะมีการกำหนดห้ามนำเชื้อเพลิงเข้ามาตั้งในเมืองหรือขยายโรงงาน แต่เรื่องผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯ มีบ้าง ผู้ซื้ออาจชะลอการตัดสินใจซื้อโครงการในรัศมีโดยรอบที่เกิดเหตุระเบิด ผู้พัฒนา โครงการอสังหาฯจะมองทำเลเหล่านี้ จะมีโรงงานใหม่ตั้งขึ้นมาหรือไม่ ถ้ากฎหมายห้าม ก็อาจจะมีผลต่อกำลังซื้อที่อยู่อาศัยได้เช่นกัน”

          จัดสรรโซนบึ้ม ยอมรับกระทบยอดขายเร่งเยียวยาลูกบ้าน-ซ่อมแซมบ้านลูกค้า

          สำหรับถนนกิ่งแก้ว มีโครงการที่อยู่อาศัยทั้งโครงการแนวราบและโครงการคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นโดยรอบ เนื่องจากอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพใกล้แหล่งงาน มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม และจากการสำรวจพบว่ามีหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย ทำให้ระยะเวลาที่ปิดโครงการ เพื่อประเมินผลกระทบ อาจจะมีผลให้ตัวเลขยอดขายลดลง เช่น บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือพฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หนึ่งในบริษัทที่มีโครงการอยู่ในรัศมี 5 กม. มี 10 โครงการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุโรงงานระเบิด และมีอยู่ 4 โครงการแนวราบที่อยู่ระหว่างการขาย มียอดขายประมาณ 100 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งในระยะแรก หากปิดสำนักงานขาย 2 สัปดาห์ ยอดขาย ลดลงประมาณ 50 ล้านบาท

          บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) มีโครงการที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด 1 โครงการ ได้แก่ ศุภาลัย วิลล์ บางนา-วงแหวน ปัจจุบันมี ยอดขายไปแล้ว 50%

          ในส่วนของมาตรการช่วยเหลือนั้น ผู้ประกอบการได้เร่งดำเนินการเช่น บริษัทพฤกษาฯ, บริษัท ศุภาลัยฯ, บริษัทเอพี ไทยแลนด์ฯ และบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม จำกัด ในกลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งมาตรการเร่งด่วนที่ทุกๆบริษัทดำเนินการ คือ ช่วยเหลือและอพยพลูกบ้าน ผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุ ออกจากพื้นที่เสี่ยง การเคลื่อนย้ายคนงานก่อสร้าง ของโครงการในพื้นที่ การจัดหาที่อยู่อาศัยเป็นการชั่วคราวให้ลูกบ้าน เพิ่มทีมรักษาความปลอดภัยในแต่ละโครงการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดูแลและป้องกันทรัพย์สินของลูกบ้าน ถ่ายภาพความเสียหายบ้าน ของลูกบ้าน และบ้านในส่วนของโครงการ เพื่อรอประเมินเรื่องความ เสียหายและการส่งทีมช่างเข้าไปซ่อมแซมหลังเหตุการณ์สงบลงแน่นอน

          เอพี ตั้งศูนย์เฝ้าระวัง ติดตาม ดูแลลูกบ้านอย่างใกล้ชิด

          นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัทเอพี ไทยแลนด์ฯ กล่าวว่า ทางเอพี เร่งตรวจสอบและวิเคราะห์สถานการณ์ เพื่อประเมินความปลอดภัยของลูกบ้านในบริเวณดังกล่าว โดยเรื่องเร่งด่วน คือ การดูแลด้านความปลอดภัยต่อลูกค้าอย่างสูงสุด ทีม Property Management ในเครือคือ บริษัท สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SMART) ได้เพิ่มจำนวนทีมงานลงพื้นที่ และระดมทีมเข้าไปดูแลอย่างทันทีตั้งแต่คืนเกิดเหตุ และดูแลยาวต่อเนื่องจนถึงเวลานี้ เพื่อสร้างความอุ่นใจและดูแลกลุ่มลูกบ้านอย่างเต็มกำลัง

          นอกจากนี้ มีโครงการ “ฝากบ้านไว้กับสมาร์ท” ประกอบไปด้วย บริการเช็กความเรียบร้อยภายในโครงการ : ลูกบ้านสามารถมอนิเตอร์ความเรียบร้อยผ่านภาพถ่ายที่ทีม SMART ทยอยอัปเดตภาพถ่าย ภายในโครงการจุดต่างๆ และรายงานลูกบ้าน ตลอดจนเพิ่มสายตรวจในโครงการเป็น 4 ครั้งต่อวัน และติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ให้เข้ามาดูแลความเรียบร้อยทุกวันช่วงที่สถานการณ์ยังไม่ปกติ

          ตรวจเช็กความเคลื่อนไหวภายในโครงการ: ลูกบ้านสามารถดูภาพวงจรปิดแบบ Real Time จากกล้อง CCTV ในพื้นที่ส่วนกลาง- ถนนโครงการ พร้อมเชื่อมต่อระบบรักษาความปลอดภัยและระบบ สมาร์ทโฮม ผ่านทาง SMART WORLD แพลตฟอร์ม  และดูแลอุ่นใจตลอด 24 ชั่วโมง

          รวมถึงการเปิดช่องทางติดต่อข้อมูลข่าวสารรวดเร็วและ Real Time ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม SMART WORLD เพื่อให้การสื่อสารครอบคลุมทุกช่องทาง

          “ฟอเรสเทียส์” ตรวจและเฝ้าระวัง เสี่ยงเกิดมลพิษทางอากาศ

          นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ โครงการอสังหาฯใหญ่ที่สุดของไทย มูลค่าโครงการ 1.25 แสนล้านบาท กล่าวว่า แม้โครงการจะตั้งอยู่นอกพื้นที่รัศมี 5 กม.โดยวันแรก(6 ก.ค.) ที่เกิดเหตุการณ์ ทางโครงการ ได้มีการสั่งอพยพเจ้าหน้าที่ และผู้ปฏิบัติงานออกนอกพื้นที่ตามที่จังหวัดสมุทรปราการทันที นอกจากนี้ ทางวิศวกรประจำโครงการ ได้ปิดระบบกักเก็บน้ำฝนทั้งหมดเพื่อป้องกันสารพิษที่มีโอกาสปนเปือนมากับน้ำฝน เข้าสู่ระบบน้ำของโครงการ, ติดตามทิศทางของกระแสลมและฝนผ่านระบบเรดาร์ตรวจอากาศ ซึ่งตลอดช่วงเวลาที่เกิดเพลิงไหม้ กลุ่มควันได้กระจายตัวไปทางทิศตะวันออกและทิศเหนือของจุดเกิดเหตุ ทำให้ไม่พบกลุ่มควันฟุ้งกระจายมาด้านทิศตะวันตกบริเวณที่ตั้งโครงการ

          สำหรับมาตรการติดตามเพิ่มเติม จะทำการเก็บตัวอย่างคุณภาพอากาศภายในพื้นที่โครงการ เพื่อติดตามค่าการรับสัมผัสสารเคมี โดยยึดเกณฑ์ประกาศกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งกำหนดค่าขีดจำกัด การรับสัมผัสสารเคมีทางการหายใจแบบเฉียบพลันของสารสไตรีนต้องมีค่าไม่เกิน 20 ppm ซึ่งหากมีค่าเกินกว่ากำหนด จะยังไม่อนุญาตให้ เข้าพื้นที่และมีการเก็บตัวอย่างคุณภาพอากาศต่อเนื่องเป็นระยะ อีก 7 วัน เพื่อยืนยันว่าคุณภาพอากาศอยู่ในสภาวะปกติและเข้าสู่ระยะปลอดภัย

          ทำการเก็บตัวอย่างน้ำในแหล่งน้ำผิวดินภายในและรอบโครงการ ทุก 1 สัปดาห์ หากพบค่าปนเปือนของสารพิษที่เกิดจากกรณีเพลิงไหม้ดังกล่าว จะแจ้งให้ผู้ปฏิบัติงาน ชุมชนและหน่วยงานท้องถิ่น งดใช้น้ำจากแหล่งดังกล่าว และให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป 

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย