อสังหาฯลุย ไฟท์ติ้งแบรนด์ สู้วิกฤติเปิดศึกชิงกำลังซื้อเฟิร์สจ็อบเบอร์

15 มิ.ย. 2564 294 0

          บุษกร ภู่แส

          กรุงเทพธุรกิจ


          ไฟท์ติ้งแบรนด์!! หนึ่งในกลยุทธ์ ที่ถูกนำมาใช้เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด ในวิกฤติเศรษฐกิจกำลังซื้อหดหาย มักเห็นในสินค้าคอนซูเมอร์โปรดักส์ ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ปลากระป๋อง ยันบะหมี่ กึ่งสำเร็จรูป ล่าสุดในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทยอยออกมามากขึ้น ไม่ว่าจะค่ายแสนสิริ ที่เปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ “เดอะ มูฟ“ค่ายออริจิ้น ส่ง “ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์“และ “บริกซ์ตัน เพ็ทแอนด์เพลย์” ส่วนแบรนด์ “เสนาคิทท์” จากค่ายเสนาฯ  แบรนด์ “นิว” ของโนเบิล  ในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทเจาะตลาดแมส จากก่อนหน้านี้มุ่งทำตลาดระดับกลาง และ บน

          เหตุที่ทำให้บรรดาค่ายอสังหาฯ หันมาเจาะตลาดกลุ่มสินค้า Affordable Segment ระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทมากขึ้นนั้น ปัจจัยแรก วิกฤติการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ทั้ง 3 ระลอกที่เกิดขึ้น เพราะจากการประเมินสถานการณ์แล้วเห็นว่า การฟื้นตัว เศรษฐกิจต้องใช้เวลานาน “จำเป็น” ต้องประคับประคองธุรกิจให้อยู่รอด! ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว  ผู้ซื้อมีรายได้ที่ลดลง ฉะนั้นสินค้าราคาเริ่มต้น 1 -3 ล้านบาท จึงเป็นคำตอบที่ลงตัวที่สุดในเวลานี้!!!

          ข้อมูลจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ พบว่า ที่อยู่อาศัยระดับราคา 1-3 ล้านบาท เป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ที่มีกำลังซื้อมากสุด ในปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าคอนโดระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ยังมีกำลังซื้อและอัตราการดูดซับยังดีอยู่ แม้ว่าภาพรวมของตลาดคอนโดไม่ดีก็ตาม

          สอดคล้องกับที่ “เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์“กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ประเมินสถานการณ์ไว้ว่า ท่ามกลางวิกฤติกำลังซื้อ “ราคา” เป็นปัจจัยอันดับหนึ่งในการตัดสินซื้อ ขณะเดียวกันเรื่องของแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความแตกต่างและน่าเชื่อถือ เพราะถ้าไม่มีความแตกต่างสุดท้ายจะอยู่ที่ราคาเป็นหลัก ทำให้เกิดไฟท์ติ้งแบรนด์คอนโด ภายใต้แบรนด์ “เสนาคิทท์” ที่มีราคาต่อยูนิตต่ำล้านบาท จำนวน 6 โครงการ ในทำเล ใกล้แหล่งงาน เช่น ย่านนิคมอุตสาหกรรมบางบ่อ

          ปัจจัยที่สอง ที่ทำให้ตลาดนี้ยังคง ไปต่อได้ก็คือมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนองต่ำกว่า 3 ล้านบาท ปัจจัยที่สาม อัตราดอกเบี้ยต่ำ และ ปัจจัยที่สี่ หนีไม่พ้นสงครามราคา!

          “แม้เศรษฐกิจแย่ แต่ผู้คนยังมี ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะคอนโด หรือ บ้าน เพราะอย่าลืมว่ามีผู้คนไม่น้อยยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองย่อมอยากได้คอนโด บ้าน และพร้อมจะนำเงินอนาคตมาซื้อ เพราะรู้สึกว่าเวลานี้เป็นราคาที่อยู่อาศัยเหมาะสมแล้ว ทำให้ ผู้ประกอบการทุกค่ายแข่งกันลดราคา โดยเฉพาะเซ็กเมนต์ราคา 1-3 ล้านบาท และระดับราคา 3-5 ล้านบาท”

          ก่อนหน้านี้ “เศรษฐา ทวีสิน” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ประกาศว่าแสนสิริจะเปิดตัวคอนโดแบรนด์ใหม่ “เดอะ มูฟ” จำนวน 4 โครงการในระดับราคาที่จับต้องได้ (Affordable) เพื่อรองรับกลุ่มยังก์ เจนเนอเรชั่น อายุ  18-30 ปี ในย่านรัชดาฯ  เกษตร รามคำแหง และ บางนา   ราคาเริ่มต้นกว่า 1 ล้านบาทจนถึง 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ที่กลับมาทำตลาดนี้อีกครั้งเพื่อ ช่วงชิงกำลังซื้อกลุ่มเรียลดีมานด์และ ส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่ง

          “ปีนี้เราหันมาโฟกัสตลาดแมสด้วยการทำราคาขายลดลง จึงเชื่อว่าขายได้แน่นอน แม้จะมีความเสี่ยงในการถูกปฏิเสธสินเชื่อ”

          ล่าสุด แสนสิริ ได้ปิดการขาย “เดอะ มูฟ เกษตร” โครงการแรก ในรอบพรีเซล ด้วยยอดขายกว่า 335 ล้านบาท พร้อมเตรียมเปิด “เดอะ มูฟ ราม 22”  ซึ่งเป็นอาคารสูง 8 ชั้น 2 อาคาร ขนาดห้องตั้งแต่ 21-24.5 ตารางเมตร จำนวนทั้งหมด 254 ยูนิต ในราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท หรือราคาขายเฉลี่ยที่ 79,000 บาท/ตารางเมตร มูลค่าโครงการ 487 ล้านบาท

          ด้าน “อภิสิทธิ์ สุนทรชูเกียรติ"ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท ออริจิ้น คอนโดมิเนียม จำกัด สมาร์ทคอนโดมิเนียมเครือออริจิ้น กล่าวว่า เพื่อต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ “ดิ ออริจิ้น” จึงได้ตัวแบรนด์ใหม่ 2 แบรนด์ เพื่อขยายฐานลูกค้าเซกเมนต์ใหม่ ให้ครอบคลุมตลาด และตอบโจทย์ ความต้องการของผู้คนยุคเน็กซ์ นอร์มอล เริ่มต้นจากแบรนด์ “ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์” คอนโดจับกลุ่มเจนวาย กลุ่มสตาร์ทอัพ สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ ราคาเริ่มต้น 2.39 ล้านบาท และ “บริกซ์ตัน” คอนโดเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มในราคาจับต้องได้ในกลุ่มคนเจนซี ที่ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท

          “เทรนด์ของตลาดวันนี้  ผู้บริโภคต้องทำงานที่บ้านมากขึ้น ใช้ชีวิต อยู่กับบ้านนานขึ้น พบเจอผู้คนน้อยลง สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา คือ ความต้องการที่พักอาศัยที่กว้างขวางมากขึ้น และอยากมีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนแก้เหงา ในที่พักอาศัย ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ ซึ่งให้เพดานสูงถึง 4.2 เมตร และบริกซ์ตัน มีฟังก์ชันตอบโจทย์การใช้ชีวิต ของทั้งคนและสัตว์เลี้ยง จึงเป็น ไฟท์ติ้งแบรนด์ ที่มาตอบโจทย์ความต้องการตลาดเวลานี้” อภิสิทธิ์ กล่าว เช่นเดียวกับ ” ธีรพล วรนิธิพงศ์” กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้มองเห็น โอกาสในการเปิดตัวแบรนด์ นิว (NUE) เพื่อขยายตลาดคอนโดระดับราคา 2-3 ล้านบาท จับกลุ่มคนรุ่นใหม่ บนทำเลที่เป็นศูนย์กลางในย่านเมืองใหม่ ( New Urban Epicenter) ตามแนวรถไฟฟ้าเส้นหลัก และส่วนต่อขยายทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาโครงการ ในย่าน แจ้งวัฒนะ  ศรีนครินทร์-ลาซาล และ บางนา เป็นต้น

          ไฟท์ติ้งแบรนด์อสังหาฯ ของ คอนโด ที่ออกมาในปีนี้ นอกจากจะเป็น “ตัวช่วย” ในการขยายฐานลูกค้าใหม่ในส่วนที่แบรนด์หลักไม่สามารถเข้าถึง เพราะติดเรื่องของ “ราคา” โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความอ่อนไหวเรื่องราคา ( Price Sensitive) ที่พร้อมจะ เปลี่ยนใจจากแบรนด์แล้ว ยังช่วย รับมือกับ “กำลังซื้อที่อ่อนแอ” ได้อย่างแยบยล

          แม้เศรษฐกิจแย่แต่ผู้คนมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมีคนไม่น้อยยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองและพร้อมนำเงินอนาคตมาซื้อเวลานี้เป็นราคาที่เหมาะสมทุกค่ายแข่งกันลด

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย