ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ คาดราคาบ้านหดตัวทั้งปี เผยโควิดทำพฤติกรรมเปลี่ยนดันดีมานด์เช่าพุ่ง

27 พ.ค. 2564 347 0

           ดีดี พร็อพเพอร์ตี้ ระบุแนวโน้มราคาที่อยู่อาศัย กทม.ไตรมาสแรกปรับตัวลดลง คาดทั้งปียังไม่มีแววปรับเพิ่ม ชี้โอกาสดีผู้ซื้อที่มีความพร้อม คาดภายในตลาดปรับตัวลงต่อเนื่องหลังผู้ประกอบการชะลอแผนลงทุนใหม่หลังการมาของโควิดระลอก 3 เผยความต้องการซื้อ -เช่าเทียบปีต่อปียังขยายตัวดี

          นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย DDproperty.com ในเครือ PropertyGuru Group กล่าวว่า แนวโน้มราคาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ปรับตัวลดลงในช่วงไตรมาสแรกปี 64 เมื่อเทียบกับช่วงปลายปี 63 ที่ผ่านมา และคาดว่าจะยังไม่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดปีนี้ ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำทำให้เป็นโอกาสดีสำหรับผู้ที่มีความพร้อมในการซื้อที่อยู่อาศัย ก็ตามหากเทียบปีต่อปีความต้องการที่อยู่อาศัยทั้งรูปแบบซื้อและการเช่าก่อนการระบาดในละลอกที่ 3 ของเชื้อไวรัสโควิด-19 พบว่ามีอัตราการเติบโตที่ดี

          ขณะที่ในฝั่งของซัปพลาย สะสมคาดว่าจะปรับตัวลดลงเช่นกันเนื่องจากผู้ประกอบการยังชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบนี้ขณะที่ผู้ขายทั้งในส่วนของนักลงทุนและผู้พัฒนายังมีการชะลอการนำสินค้าออกมาขายเพื่อรอจังหวะเวลาให้ราคาปรับตัวดีกว่าในปัจจุบัน ส่วนสถานการณ์ของความต้องการซื้อและเช่าที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่มีการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา

          ทั้งนี้ ในช่วงที่เกิดการระบาดในรอบที่ 3 ความต้องการซื้อและเช่าเกิดภาวะชะลอตัวในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. แต่อย่างไรก็ตามความต้องการซื้อและเช่ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในเดือน พ.ค. และเมื่อเทียบความต้องการซื้อและความต้องการเช่าปีต่อปีอัตราความต้องการซื้อและเช่าที่อยู่อาศัยในปีนี้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนค่อนข้างมากโดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดปริมณฑล

          จากการจัดเก็บข้อมูลความต้องการซื้อและเช่าที่อยู่อาศัย พบว่าดัชนีราคาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 15 ไตรมาสโดยดีมานด์และกำลังซื้อมีการปรับตัวลดลงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยราคากลางเฉลี่ยล่าสุดพบว่าปรับตัวลดลง -4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นการลดลงของราคาที่อยู่อาศัยต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่สองของปี 60  แต่เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปีที่แล้วพบว่าราคาขายที่อยู่อาศัยปรับตัวลดลงถึง -7%

          ทั้งนี้ เมื่อแยกประเภทพบว่าดัชนีราคาคอนโดและทาวน์เฮาส์มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนในขณะที่ดัชนีราคาบ้านเดียวยังทรงตัวโดยในส่วนของราคาคอนโดมีการปรับตัวลดลง -3% จากไตรมาสก่อนและปรับตัวลดลง -8% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนราคาทาวน์เฮาส์ปรับลดลง -0.5% จากไตรมาสก่อนและลดลง -1% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่ดัชนีราคาบ้านเดี่ยวค่อนข้างทรงตัวโดยมีการปรับตัวลดลงไม่ถึง 1%

          สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯราคาที่อยู่อาศัยเติบโตอย่างโดดเด่นในไตรมาสนี้ แบ่งออกเป็นทำเล คือ ทำเลย่านทวีวัฒนาซึ่งมีราคาเฉลี่ย 25,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสก่อน ที่อยู่อาศัยในย่านบางเขนราคาเฉลี่ย 50,000 บาทต่อ ตร.ม. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10% ทำเลย่านตลิ่งชันมีราคาเฉลี่ย 43,000 บาทต่อ ตร.ม. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6% ทำเลย่านสะพานสูงราคาเฉลี่ย 31,000 บาทต่อ ตร.ม. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5% และทำเลย่านปทุมวันราคาขายเฉลี่ย 215,000 บาทต่อ ตร.ม.

          ส่วนทำเลที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 ทำเล เปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนประกอบด้วยทำเลสัมพันธวงศ์ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 81,000 บาทต่อ ตร.ม. ลดลง -18% ทำเลป้อมปราบศัตรูพ่ายราคาขายเฉลี่ย 190,000 บาทต่อ ตร.ม. ลดลง -11% ทำเลยบางบอนราคาขายเฉลี่ย 47,000 บาทต่อ ตร.ม. ลดลง -9% ทำเลภาษีเจริญมีราคาขายเฉลี่ย 65,000 บาทต่อ ตร.ม. และทำเลพระโขนง ราคาเฉลี่ย 97,000 บาทต่อ ตร.ม. ลดลง -6%

          นางกมลภัทร กล่าวว่า สำหรับซัปพลายในพื้นที่กรุงเทพฯ พบว่ามี ซัปพลายเพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสก่อนและเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับห้องเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยการเพิ่มขึ้นของจำนวนที่อยู่อาศัยในตลาดช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เนื่องจากผู้ประกอบการอสังหาฯ และผู้บริโภค ที่มีสินค้าอยู่ในมือเริ่มนำสินค้า ออกมาฝากขายกันมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ในไตรมาสแรกเริ่มมีสัญญาณในทิศทางที่ดีขึ้น ก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดในละลอกที่ 3 ในขณะที่อัตราการดูดซับสินค้าในตลาดยังคงอยู่ในระดับต่ำ

          ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ผ่านมา ซัปพลายที่อยู่อาศัยทุกประเภทปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยในส่วนของซัปพลายบ้านเดี่ยวมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 12% ขณะที่ทาวน์เฮาส์มีจำนวนเพิ่มขึ้น 12% และคอนโดมิเนียมปรับตัวเพิ่มขึ้น 10% โดยซัปพลายที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มีระดับราคาอยู่ที่ 5-10 ล้านบาท โดยกลุ่มนี้มีสัดส่วนอยู่ที่ 55% ขณะที่ซับพลายที่อยู่อาศัยราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 23% ปรับตัวเพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาสก่อน ขณะที่ สะพายกลุ่มราคา 3-5 ล้านบาท มีสัดส่วนอยู่ที่ 21%

          อย่างไรก็ตาม ตลอด 1 ปีที่ เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ภายในประเทศไทยส่งผลให้พฤติกรรมการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงและมีผลต่อการเลือกทำเลที่อยู่อาศัยโดยห้าทำเลในกรุงเทพฯ ที่ได้รับความสนใจซื้อเพิ่มขึ้นในรอบ 1 ปีหลังการระบาดของโควิด-19 คือ ทำเลย่านยานนาวามีความสนใจซื้อปรับตัวเพิ่มขึ้น 215% จากปีก่อน ทำเลย่านธนบุรีมีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้น 137% ทำเลย่านมินบุรีมีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้น 132% ทำเลย่านจอมทองมีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้น 114% และทำเล็บบางแคเพิ่มขึ้น 113%

          ขณะเดียวกันนอกจากความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นใน 5 ทำเลดังกล่าว แล้วความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยในช่วงหนึ่งปีหลังการระบาดของเชื้อ โควิด-19 พบว่าในทำเลปทุมวันมีความต้องการเช่าเพิ่มขึ้น 139% ในทำเลบางคอแหลมมีความต้องการเพิ่มขึ้น 188% ทำเลบึงกุ่มมีความต้องการเพิ่มขึ้น 185% ทำเลจตุจักรมีความต้องการเพิ่มขึ้น 159% และทำเลบางซื่อเพิ่มขึ้น 150%.

ที่มา:

คลิกเครื่องหมาย เพื่อเพิ่มลงตะกร้าเก็บทรัพย์ที่สนใจ หรือกดอีกครั้งเพื่อลบออก
คลิกเพื่อเลือก บ้านที่ต้องการแล้วกดปุ่ม "เปรียบเทียบ" ได้เลย