SC รุกขึ้นแท่นอันดับ 1 แบรนด์ บ้านเดี่ยว
นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ว่า บ้านเดี่ยวของเอสซีฯเติบโตทุกราคาและทำให้บริษัทเติบโตทั้งยอดขาย รายได้ และกำไรสุทธิ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของการประกาศแผนธุรกิจและการรุกสู่แบรนด์บ้านเดี่ยวอันดับ 1 จากช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดบ้านเดี่ยวสูงสุด (market share) เป็นอันดับ 1 ที่ 15% (จากข้อมูลตลาดบ้านเดี่ยวในกรุงเทพปริมณฑลของ AREA หรือบริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด)
เนื่องจากบ้าน SC ขายดีและเติบโตทุกราคา ใน 3 กลุ่มหลัก คือ บ้านราคามากกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งเป็นพอร์ตหลักและแข็งแกร่ง เติบโตประมาณ 4 เท่า หรือเติบโต 268% เทียบกับปีก่อน, บ้านราคา 5-20 ล้านบาท มีการเติบโตประมาณ 2 เท่า หรือเติบโต 113% เทียบกับปีก่อน และ บ้านราคาน้อยกว่า 5 ล้านบาท เติบโต 10% ขณะที่ยอดขายรวมอยู่ที่ 5,700 ล้านบาท เติบโต 188% ซึ่งประกอบด้วย ยอดขายแนวราบ 4,606 ล้านบาท เติบโต 123% และยอดขายคอนโดฯ 1,094 ล้านบาท ซึ่งมาจากโครงการระดับ Luxury segment ราคามากกว่า 3 แสนบาทต่อตร.ม. ของบริษัทมี market share อยู่ 26% และเป็นอันดับ 1 ของตลาด
ขณะที่รายได้ และกำไรสุทธิ มีรายได้รวม 3,965 ล้านบาท เติบโต 20% โดยมาจากรายได้จากการขาย 95% และรายได้จากการเช่าและบริการ 5% พร้อมกำไรสุทธิ 417 ล้านบาท เติบโต 39%
สำหรับความคืบหน้าของแผนเปิดแนวราบ จำนวน 8 โครงการ มูลค่าโครงการ 9,000 ล้านบาท ไตรมาส 2 นี้พร้อมเปิดจอง 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1,145 ล้านบาท ได้แก่ โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด ซิกเนเจอร์ เพชรเกษม-ปิ่นเกล้า บ้านหรูบนที่ดินขนาดใหญ่ 100 ตร.ว.ขึ้นไป ราคาเริ่ม 20-30 ล้านบาท ทำเลอยู่ใกล้เดอะมอลล์บางแค และโครงการเวิร์คเพลส สายไหม-พหลโยธิน พรีเมี่ยมโฮมออฟฟิศ ราคาเริ่ม 7-20 ล้านบาท ทำเลใกล้ทางด่วนจตุโชติ และ ทางด่วนฉลองรัช
นอกจากนี้ ได้เร่งเพิ่มสต็อกบ้านรองรับความต้องการซื้อ โดยในไตรมาส 2 บริษัทมีโครงการที่เปิดขายทั้งหมด จำนวน 57 โครงการ มูลค่าคงเหลือเพื่อขายรวมกว่า 40,560 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 47 โครงการ และคอนโดฯ 10 โครงการ
“ถึงแม้ว่าสถานการณ์โควิดจะมี ความท้าทายอย่างมาก เรามั่นใจว่าจะทำสำเร็จตามเป้าหมาย ทั้งยอดขายและ รายได้ของปีนี้ พร้อมกับการเป็นแบรนด์บ้านเดี่ยวอันดับ 1 ในใจผู้บริโภค” นายณัฐพงศ์ กล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ