LALIN ผุดปีนี้ 8-12 โครงการ 7-8พันล้าน ประเมินรายได้ทั้งปี 5.25 พันล้าน ลดลงจากปีก่อน

01 Feb 2024 176 0

 



    นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทวางเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 5,250 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังไม่ดี แม้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจภายในประเทศจะดีขึ้นก็ตาม ซึ่งล่าสุดบริษัทมียอดขายรอโอน(Backlog) ในมือมูลค่ารวมประมาณ 900 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดในปี 2567 โดยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2567 น่าจะสามารถขยายตัวได้ราว 2.5-3.5% แต่ยังต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนสูง ทั้งปัจจัยจากต่างประเทศ และในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในหลายประเทศสำคัญทั่วโลก มาตรการกระตุ้นและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ในขณะที่ภายในประเทศ ภาระหนี้สาธารณะและภาระหนี้ครัวเรือนที่ค่อนข้างสูงยังคงเป็นความท้าทายสำหรับในปี 2567

    ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 ยังคงมีปัจจัยบวก ไม่ว่าจะเป็นการที่อัตราดอกเบี้ยเริ่มนิ่ง และมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงได้ในช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย การต่ออายุมาตรการภาครัฐ ลดค่าธรรมเนียมการโอน และค่าธรรมเนียมจำนอง สำหรับที่อยู่อาศัยที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ไปถึงสิ้นปี 2567 การส่งออก และการท่องเที่ยวที่น่าจะดีขึ้น รวมถึงการเข้ามาลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น จะช่วยให้เกิดการจ้างงาน และเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ

    ด้าน นายชูรัชฎ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ LALIN เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทวางเป้าหมายยอดขาย (Presale) ไว้ที่ 6,550 ล้านบาท ใกล้เคียงปีก่อนที่ทำได้ 6,500 ล้านบาท โดยในปี 2567 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 8-12 โครงการ มูลค่า โครงการรวมประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาทซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังจะประเมินเศรษฐกิจอีกครั้งก่อนจะวางแผนเปิดตัวเพิ่มตามแผนที่วางไว้

    ทั้งนี้ในปี 2567 บริษัทวางงบลงทุนสำหรับซื้อที่ดินไว้ที่1,500 ล้านบาท ในส่วนของสถานะทางการเงินบริษัทดำรงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E Ratio) ที่ 0.76 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของอุตสาหกรรมที่ 1.45 เท่าโดยบริษัทมีการใช้แหล่งเงินทุนที่หลากหลายและบริหารความเสี่ยงทางการเงินอย่างรัดกุมมาโดยตลอด ดังนั้น จึงได้รับความเชื่อมั่นจากสถาบันการเงิน ทั้งธนาคารพาณิชย์ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ต่าง ๆ จึงไม่ประสบปัญหาในเรื่องของแหล่งเงินทุน

    โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทมีการออกขายหุ้นกู้ ซึ่งได้รับการตอบรับจากสถาบันเข้าลงทุนเต็มจำนวน 500 ล้านบาท ซึ่งในปี 2567 บริษัทมีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดมูลค่ารวม 1,150 ล้านบาท แบ่งเป็นจะครบกำหนดในเดือน กุมภาพันธ์ 200 ล้านบาท,จะครบกำหนดในเดือน มีนาคม 550 ล้านบาท และจะครบกำหนดในเดือนสิงหาคม 400 ล้านบาท นอกจากนี้หุ้นกู้ที่ขายไปแล้ว 500 ล้านบาท บริษัทยังมีวงเงินจากการขอสินเชื่อโครงการที่ยังไม่ได้เบิกจ่ายอีกประมาณ 2,000 ล้านบาท ทำให้มั่นใจจะสามารถชำระหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดดังกล่าวได้ทั้งหมด

 

Reference:

Click icon to remove from or add to favorite list
Click to choose and click "Compare" button