KKP หวั่นภาคอสังหาฯหดตัว เพิ่มความเสี่ยงภาคการเงินแบงก์-หุ้น
KKP Research ในกลุ่มธุรกิจ การเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) ระบุว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลงในระยะข้างหน้า เนื่องจากเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ จะได้รับผลกระทบโดยตรงจากการก้าวเข้าสู่ สังคมผู้สูงอายุ และการหดตัวลงของจำนวน ประชากรที่จะเริ่มต้นในปี 2573 ตามการการคาดการณ์ของ UN อย่างไรก็ตามภาคอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงจังหวัดหัวเมืองใหญ่จะยังขยายตัวต่อได้ ตามแนวโน้มการย้ายถิ่นฐานของประชากร เข้าสู่เมืองใหญ่ที่มีมากขึ้น ทำให้ทิศทาง อสังหาฯ ไทยแตกต่างกันระหว่างเมืองใหญ่
และเมืองรองมากขึ้น การเติบโตของภาคอสังหาฯ ในอนาคต มีแนวโน้มที่จะกระจุกตัวอยู่เฉพาะ ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใหญ่เท่านั้น
“แม้บทบาทของภาคอสังหาฯ ต่อเศรษฐกิจ ไทยจะมีจำกัด แต่การปล่อยให้ภาคอสังฯ ชะลอต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบไปยังภาคส่วนอื่นในเศรษฐกิจได้ ทั้งในภาคเศรษฐกิจ จริงผ่านกลุ่มธุรกิจเกี่ยวเนื่องในภาคอสังหาฯ และภาคการเงินผ่านกลุ่มธนาคารและตลาด ตราสารหนี้ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อคุณภาพ สินทรัพย์ เพราะสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีสัดส่วน มากกว่า 30% ของสินเชื่อรายย่อยทั้งหมด และภาคอสังหาฯ มีการระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ หนี้ที่มากที่สุดกลุ่มหนึ่ง หากเกิด การชะลอตัวรุนแรง อาจส่งผลต่อเนื่องสู่ ตลาดการเงินได้” KKP Research ระบุ
สำหรับ 4 ปัจจัยกดดันการเติบโตของอสังหาฯ ไทย คือ 1.การขยายพื้นที่เขตเมือง ในต่างจังหวัด ชะลอตัวตามภาคอุตสาหกรรม และบริการ ที่อาจไม่สามารถเติบโตได้ดีเท่ากับในอดีตตามภาวะ Deglobalization 2.กำลังซื้อคนไทยหดตัว จากรายได้ที่เติบโต ช้าลงตามภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่ราคาบ้าน ยังคงเพิ่มขึ้นเร็ว 3.อัตราดอกเบี้ยที่อาจค้างสูงนาน จะเป็นปัจจัยที่ลดกำลังซื้อและเพิ่มภาระหนี้ให้กลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัย 4. ระดับหน ครัวเรือนอยู่ในระดับสูงมากแล้วในปัจจุบันและมีแนวโน้มที่ไทยกำลังจะเข้าสู่ช่วงขาลง ของวัฏจักรสินเชื่อ ส่งผลให้การกู้ยืมอาจมี กฎเกณฑ์เข้มงวดขึ้น และความสามารถในการก่อหนี้เพิ่มเติมของผู้กู้ทำได้น้อยลง
Reference: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น