Jปักหมุดผลงานโตต่อเนื่องลุยต่อยอดคอมมูนิตี้มอลล์
J ทุ่มงบ 300 ล้านบาท ปั้นคอมมูนิตี้มอลล์ “คู้บอน” อัพฐานโกยเงินเพิ่ม ตั้งเป้าปี 2563 ผลงานโตต่อเนื่องจากปี 2562 รับเก็บเกี่ยวค่าเช่าเต็มพิกัด พร้อมเกาะติดสถานการณ์โควิด-19 อย่างใกล้ชิด หวังคลี่คลายดึงยอดผู้ใช้บริการกลับมา
นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) หรือ J เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนทุ่มงบลงทุนราว 300 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโครงการศูนย์การค้าแห่งใหม่ “ถนนคู้บอน” กรุงเทพฯ ขนาดพื้นที่เช่าราว 1.8 หมื่นตารางเมตร ซึ่งรูปแบบส่วนของที่ดินนั้นจะเป็นสิทธิการเช่าที่ดินระยะเวลา 30 ปี เนื้อที่ดินทั้งหมด 21 ไร่ 1 งาน 95.8 ตารางวา และจะเป็นศูนย์การค้าที่มีพื้นที่พัฒนาใหญ่ที่สุดของบริษัท และถือเป็นศูนย์การค้าขนาดเล็ก (คอมมูนิตี้ มอลล์) แห่งที่ 5 ของบริษัท และคาดน่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ช่วงตุลาคม 2564
เร่งปั๊มยอดคอนโด
ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่เช่าทั้งหมดราว 5.5 หมื่นตารางเมตร แบ่งเป็น การให้เช่าพื้นที่ในส่วนของศูนย์การค้าชุมชมและธุรกิจพื้นที่เช่าโครงการศูนย์มือถือครบวงจรภายใต้ชื่อ IT Junction อยู่ราว 1 หมื่นตารางเมตร ส่วนที่เหลือนั้นมาจากโครงการศูนย์การค้าชุมชนทั้งหมด 4 โครงการ ได้แก่ JAS URBAN (ศรีนครินทร์), The JAS (วังหิน), The Jas (รามอินทรา) และโครงการ JAS Village AmataChonburi
โดยในส่วนของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้นมาจากโครงการหลัก คือ Newera ซึ่งเป็นอาคารที่พักอาศัยความสูง 8 ชั้น จำนวนยูนิตขาย 177 ห้อง บนเนื้อที่กว่า 1 ไร่ ซึ่งตั้งอยู่ที่ซอยสุคนธสวัสดิ์ 38 ถนนสุคนธสวัสดิ์ (อยู่ห่างจากถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา-เอกมัย เพียง 200 เมตร) โดยจากการสำรวจข้อมูลล่าสุดพบว่า มีห้องชุดพร้อมโอนในมือ (สต๊อก) ประมาณ 25% ของมูลค่าโครงการรวมทั้งหมด หรือคิดเป็นมูลค่าราว 125 ล้านบาท ซี่งในส่วนนี้ทาง J คงจะมีการดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างรายรับให้กับธุรกิจในอนาคต
ปี 64 ผลงานโตต่อ
อย่างไรก็ดี ในแง่ของสัดส่วนรายได้ของบริษัทขณะนี้มาจาก ศูนย์การค้าชุมชนทั้งหมด 4 โครงการ ได้แก่ JAS URBAN (ศรีนครินทร์), The JAS (วังหิน), The Jas (รามอินทรา) และโครงการ JAS Village Amata- Chonburi คิดเป็นตัวเลขอยู่ราว 45%, โครงการศูนย์มือถือครบวงจรภายใต้ชื่อ IT Junction และธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขายอีกประมาณ 25%
นายสุพจน์ กล่าวว่า ในปี 2564 บริษัทประเมินผลประกอบการน่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2563 ไม่นับรวมปัจจัยเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เนื่องจากมองแนวโน้มยอดขายรายได้ในส่วนของค่าเช่าในโครงการต่างๆ จะกลับมาฟื้นตัว ประกอบกับธุรกิจจะมีการรับรู้โครงการ JAS Village AmataChonburi เข้ามาเต็มปี นอกเหนือ จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายเข้ามาเสริมด้วย
เกาะติดโควิด-19
สำหรับประเด็นเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของ COVID 19 ที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ระหว่างการประเมินสถานการณ์ แต่ทาง J ได้มีการออกมาตรการในการป้องกันประกอบกับปรับปรุงการดำเนินงานภายในองค์กรเพิ่มเติม เพื่อรองรับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังมีมาตรการป้องกันการกระจายไวรัสในศูนย์การค้า เช่น การบริการเจลแอลกอฮอล์ในจุดของศูนย์การค้า การทำความสะอาดลิฟต์ทุกชั่วโมง และการตรวจคัดกรองพนักงานของผู้เช่าก่อนเข้างาน
เพื่อให้ลูกค้าได้มั่นใจต่อการดำเนินงานของศูนย์การค้า และการปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในพื้นที่ศูนย์ค้าชุมชนในทำเลต่างๆ
Reference: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น