ASWทริสเรทติ้งจัดอันดับBBB-ปั้นรายได้แตะระดับ5-7พันล.

02 Sep 2021 366 0

          ASW ปลื้มทริสเรทติ้ง จัดอันดับองค์กร “BBB-” แนวโน้ม “Stable” สะท้อนการเติบโตที่แข็งแกร่ง จากโครงการที่มีหลากหลาย มีความยืดหยุ่นสูง พร้อมรับมือวิกฤติโควิด-19 ส่งผลให้ ยอดขายเติบโต สนับสนุนรายได้ช่วงปี 2564-2566 แตะระดับ 5-7 พันล้านบาทต่อปี รวมทั้งมียอดขาย รอโอนค่อนข้างสูง ช่วยผลักดันกำไรให้เติบโตได้อีกใน 2-3 ปีข้างหน้า

          นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ผู้พัฒนาอสังหาด้วยกลยุทธ์ “Best Choice” กล่าวว่า บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (TRIS Rating) ได้จัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “BBB-” พร้อมด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” โดยประเมินว่า ASW มีแผนจะเพิ่มโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ และโครงการคอนโดมิเนียมแนวสูงให้มากขึ้น และมีเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนโครงการแนวราบให้ได้ประมาณ 30% ของมูลค่าโครงการทั้งหมดของบริษัท ณ สิ้นปี 2567 ซึ่งทริสเรทติ้ง ประเมินว่าการเพิ่มความหลากหลายของสินค้าจะช่วยให้บริษัทมีความยืดหยุ่น ใน การปรับปรุงสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาดได้ และในด้านรายได้ กำไรก็จะมีความผันผวนน้อยลงในอนาคต

          ทั้งนี้ ทริสประเมินว่า จากการแพร่ระบาด ที่ยืดเยื้อของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรค โควิด-19) ซึ่งอาจยิ่งเพิ่มความกดดัน อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ASW มียอดขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.3 พันล้านบาท จากระดับ 2.5 พันล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน และยอดขาย ที่ดีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาทำให้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 มูลค่ายอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 8.1 พันล้านบาท โดยยอดขาย ดังกล่าวจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ที่ระดับประมาณ 2.9 พันล้านบาท ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ประมาณ 2.8 พันล้านบาท ในปี 2565 และประมาณ 2.4 พันล้านบาท ในปี 2566 อีกทั้ง Backlog ที่ค่อนข้างสูงน่าจะช่วยรักษาระดับกำไรของบริษัทได้ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

          สำหรับอันดับเครดิตดังกล่าว ยังสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดคอนโดมิเนียมระดับ Main Class ไปจนถึง Upper Class ที่เป็น กลุ่มหลักของบริษัทนั้นปรับตัวดีขึ้น โดยโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทภายใต้แบรนด์ “Kave” “Atmoz” และ “Modiz” นั้นเป็นที่ยอมรับเป็นอย่างดี ในกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยและกลุ่มคนวัยทำงาน

          ส่วนแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสว่าบริษัทจะส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมต่างๆ ได้ตามแผนซึ่งน่าจะสร้างรายได้ที่ระดับ 5-7 พันล้านบาทต่อปี ในช่วงปี 2564-2566 ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากมูลค่ายอดขายรอรับรู้รายได้จำนวนมาก และแผนการเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าของบริษัท ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จะอยู่ที่ระดับมากกว่า 20% และถึงแม้จะ มีแผนการขยายธุรกิจในเชิงรุก ทริสคาดว่าบริษัทจะรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนให้อยู่ที่ระดับประมาณ 50-55% ได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า อีกทั้งประเมินว่าสภาพคล่องของบริษัทนั้น มีเพียงพอในช่วง 12 เดือนข้างหน้า



 

Reference:

Click icon to remove from or add to favorite list
Click to choose and click "Compare" button