ALLY ฟุ้งศูนย์การค้าคึกคัก คงเป้ารายได้ปีนี้โต 10%
ALLY ภาพรวมภาคอสังหาที่เป็นเชิงศูนย์การค้าในครึ่งปีหลังขยายตัวเด่น หลังรับอานิสงส์เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การจับจ่ายผู้บริโภค ที่ฟื้นตัว มั่นใจรักษาระดับอัตราการเช่าพื้นที่ได้เหนือ 93-94% คงเป้ารายได้รวมปี 2566 เติบโตไม่ต่ำกว่า 5-10% จากปีก่อน พร้อมกางแผนลุยลงทุนสินทรัพย์ใหม่อีก 1-2 โปรเจ็กต์ ด้วยโครงการ 111 ประดิษฐ์มนูธรรม ได้ข้อสรุปต้นเดือนกันยายนนี้แน่
นายกวินทร์ เอี่ยมสกุลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค อี รีท เมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ อัลไล หรือ ALLY เปิดเผยว่า ภาพรวมทิศทางธุรกิจในภาคอสังหาที่เป็นเชิงศูนย์การค้าในช่วง 6 เดือนหลังปี 2566 คาดว่าจะมีขยายตัวในทิศทางที่ดี ปัจจัยบวกมาจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยคาดการณ์ว่า GDP ในปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 3.6% เป็นกรอบที่สะท้อนต่อภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
อีกทั้งจากความชัดเจนทางการเมืองที่เกิดขึ้น ยังส่งผลให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นใจการกลับมาใช้จ่าย และด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่คลายตัวลงแล้วในปัจจุบัน ทำให้มีความต้องการใช้ชีวิต นอกบ้านมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากเทรนด์ของร้านค้า และร้านอาหารโดยเฉพาะชาบู หม่าล่า ทำให้บริษัทได้ทำสัญญากับผู้เช่ารายใหม่เพิ่มมากขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก ขณะที่การปรับอัตราค่าเช่านั้น คาดว่าในปีนี้ยังคงไว้ระดับเท่าเดิมเพราะมีการปรับขึ้นไปแล้วในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
อัตราการเช่าพื้นที่ 94%
ทั้งนี้ในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2566 คาดว่าอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) จะทรงตัวดีอยู่ในระดับที่ประมาณ 93-94% ของพื้นที่รวม จากในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ที่มีอัตราการเช่าอยู่ที่ระดับ 93.1% และยังคงมีการต่อสัญญาค่อนข้างสูงเกิน 90% มาตลอดในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจำนวนผู้เช่าที่กลับเข้ามาจะเป็นหมวดของ ร้านอาหาร, ร้านเฟอร์นิเจอร์ และออฟฟิศสำนักงาน เป็นต้น โดยปัจจุบันบริษัทมีสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การบริหารทั้งสิ้น 13 โครงการ มูลค่ารวม13,620 ล้านบาท คิดเป็นพื้นที่ราว 160,184 ตารางเมตร
นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีความสนใจ และมองหาโอกาสในการลงทุนโครงการใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ด้วยสถานการณ์ที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวตามปัจจัยที่กล่าวไปข้างต้น ทำให้ในช่วงที่ผ่านมามีหลายโครงการที่เข้ามาเสนอ เบื้องต้นคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ไปจนถึงต้นปี 2567 อาจได้เห็นข้อสรุปอีก 1-2 โครงการ สำหรับโครงการ 111 ประดิษฐ์มนูธรรม ที่คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 700 ล้านบาทนั้น คาดว่าจะมีการประกาศความชัดเจนภายใน ช่วงต้นเดือนกันยายน 2566
คงรายได้โต 10%
ปัจจุบันบริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมไว้ที่ไม่น้อยกว่า 5-10% จากปี 2565 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ ระดับ 1,592.25 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ทำได้แล้วที่ 848.76 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตสูงกว่า 12%
ขณะที่ต้นทุนค่าใช้จ่ายหลัก เช่น ต้นทุนพลังงาน และต้นทุนดอกเบี้ยนั้น มองว่าการปรับขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้อาจไม่สูงมากนัก และอยู่ในเกณฑ์ที่ยังสามารถบริหารจัดการได้ดีอยู่ เพราะผลตอบแทนของการลงทุนและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การจับจ่ายผู้บริโภคที่ดีขึ้นเข้ามาช่วยชดเชยได้
ส่วนโครงการ The Crytal SB Ratchapruek ที่ปัจจุบันอยู่ในช่วงระหว่างการปรับปรุงพื้นที่ให้มีความทันสมัยมากขึ้นนั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงสิ้นปี 2566 นี้ และสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้เต็มประสิทธิภาพ สำหรับภาพรวมตลาดคอมมูนิตี้มอลล์ที่การ ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในทำเลราชพฤกษ์ มองว่าเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อธุรกิจ เพราะช่วยสร้างทราฟฟิกให้กับทำเลดังกล่าวมากขึ้น และไม่กังวลในเรื่องของการแข่งขันแต่อย่างใด
จ่ายปันผลงวด Q2
อย่างไรก็ตาม ALLY REIT ประกาศ จ่ายประโยชน์ตอบแทนให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์สำหรับไตรมาส 2/2566 จำนวน 0.1700 บาทต่อหน่วย โดยมีกำหนด การวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยทรัสต์ (Book Closing) เพื่อสิทธิใน การรับประโยชน์ตอบแทนในวันที่ 24 สิงหาคม 2566 และมีกำหนดจ่ายประโยชน์ ตอบแทนในวันที่ 15 กันยายน 2566 สำหรับ การประชุม EGM มีกำหนดจัดในวันที่ 13 กันยายน 2566 เวลา 11.00 น. ที่ Crystal Ballroom, Crystal Design Center (CDC)
Reference: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น