โควิด-19ส่งผลกระทบอสังหา Q1 ใกล้เคียงน้ำท่วมใหญ่ปี 54
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ วิเคราะห์ COVID-19 ส่งผลกระทบตลาดอสังหาริมทรัพย์ไตรมาสแรก ใกล้เคียงน้ำท่วมใหญ่ปี 2554
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์โครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 1 ปี 2563 พบว่า มีจำนวน 68 โครงการ ลดลงจากช่วงไตรมาส 1 ปี 2562 (YoY) ร้อยละ 40.4 มีจำนวนหน่วย 15,932 หน่วย ลดลง YoY ร้อยละ 29.6 ซึ่งเป็นการเปิดขายโครงการใหม่ที่น้อยที่สุด นับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2554 ซึ่งเกิดภาวะน้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และมีการเปิดขายโครงการใหม่เพียง 67 โครงการ 15,858 หน่วย โครงการเปิดขายใหม่ในไตรมาสนี้ แบ่งออกเป็น โครงการอาคารชุด 23 โครงการ 7,111 หน่วย และโครงการบ้านจัดสรร 45 โครงการ 8,821 หน่วย โดยจำนวนหน่วยอาคารชุด ลดลงมากถึงร้อยละ 42.9 ส่วนบ้านจัดสรร มีจำนวนหน่วยลดลงร้อยละ 13.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เมื่อพิจารณาจากค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง (2558-2562) ซึ่งโครงการที่อยู่อาศัยจะเปิดขายเฉลี่ยไตรมาสละ 116 โครงการ 28,490 หน่วย จะเห็นได้ว่าในไตรมาสนี้ โครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเกือบครึ่ง โดยจำนวนโครงการต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ร้อยละ 41.4 และจำนวนหน่วยต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ร้อยละ 44.1
โครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 1 ปี 2563 จำนวน 15,932 หน่วย เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 12,206 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 76.6 และบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 3,726 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 23.4 โครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 12,206 หน่วย จะเห็นได้ว่าเป็นโครงการอาคารชุด 5,016 หน่วย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ร้อยละ 24.4 แต่โครงการบ้านจัดสรรมี 7,190 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.3
ส่วนโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ของบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 3,726 หน่วย พบว่า มีจำนวนลดลงทั้งโครงการอาคารชุดและบ้านจัดสรร เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยโครงการอาคารชุดมีจำนวน 2,095 หน่วย ลดลงร้อยละ 64.0 และโครงการบ้านจัดสรรมีจำนวน 1,631 หน่วย ลดลงร้อยละ 65.9
โครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ ไตรมาส 1 ปี 2563 จำนวน 15,932 หน่วย เมื่อแยกตามระดับราคา ที่มีการเปิดขายมากที่สุด 3 อันดับแรก พบว่าอันดับแรก เปิดขายในระดับราคา 2.01-3.00 ล้านบาท มากที่สุด มีจำนวน 5,970 หน่วย มีสัดส่วนร้อยละ 37.5 ส่วนใหญ่เป็นทาวน์เฮาส์ อันดับสอง ระดับราคา 3.01-5.00 ล้านบาท มีจำนวน 3,586 หน่วย มีสัดส่วนร้อยละ 22.5 ส่วนใหญ่เป็นทาวน์เฮาส์ และ อันดับ 3 ระดับราคา 1.51-2.00 ล้านบาท มีจำนวน 2,035 หน่วย มีสัดส่วนร้อยละ 12.8 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาคารชุด
Reference: หนังสือพิมพ์ดอกเบี้ยธุรกิจ
