เปิดประเทศ บูสต์เศรษฐกิจ ดึงทุนไหลกลับ-อสังหาฯรอโอน5หมื่นล้าน
เอกชนประสานเสียงหนุนรัฐเปิดประเทศเต็มรูปแบบ 1 พ.ย.หอการค้า-สภาอุตฯ มั่นใจทุน FDI-นักท่องเที่ยว คัมแบ็กไหลเข้า บิ๊กอสังหาฯ “แสนศิริ-ศุภาลัยไรมอนแลนด์” ลุ้นรอโอน 5 หมื่นล้าน เดอะมอลล์เซ็นทรัลฯ หวังปลุกเศรษฐกิจ-กำลังซื้อคึกคักรับปลายปี แต่ห่วงน้ำท่วมสกัดดาวรุ่ง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศจะเปิดประเทศบางส่วนภายใน 120 วัน หรือกลางเดือนต.ค.นี้ และจะเปิดประเทศเต็มรูปแบบตั้งแต่ 1 พ.ย. 2564 ขณะที่ล่าสุด ศบค.ได้เห็นชอบให้ 9 กิจกรรม/กิจการในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัดสามารถผ่อนคลายการเปิดให้บริการและขยายเวลาการเปิด-ปิดได้มากขึ้น หลังสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิดรายวันลดลง ส่งสัญญาณเปิดประเทศมีความหวังที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น
ถึงเวลาเปิดประเทศได้แล้ว
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า การเปิดประเทศในมุมมองคงต้องเปิด เพราะเวลานี้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังน่าห่วง ขณะที่ไทยสามารถควบคุมสถานการณ์โควิดได้ดีขึ้น การฉีดวัคซีน
ทำได้มากและครอบคลุมมากขึ้น ผู้ติดเชื้อรายวันลดลง ผู้ป่วยที่เคยติดเชื้อก็หายและกลับมาใช้ชีวิตปกติได้มากขึ้น และเวลานี้มีเครื่องมือในการป้องกันและตรวจสอบเชื้อโควิดได้มาก ขึ้น เช่นการใช้ ATK ดังนั้นจึงคิดว่าไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อการเปิดประเทศ
ล่าสุด (27 ก.ย.64) ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 หรือ ศบค. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้มีคำสั่งให้ผ่อนคลาย 9 กิจกรรมกิจการสามารถเปิดให้บริการได้ก่อน และขยายเวลาการเปิดได้มากขึ้น เริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค.นี้ก็ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดี สำหรับการเปิดประเทศนอกจากจะส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยว และบริการที่เกี่ยวเนื่องจะกลับมาฟื้นตัวแล้ว จะส่งผลให้ต่างชาติเข้ามาดูลู่ทางการลงทุนจากสถานที่จริงได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น รวมถึงขอรับการส่งเสริมมากขึ้น ปีนี้มีโอกาสที่การขอรับการส่งเสริมการลงทุนในไทยจะเกิน 5 แสนล้านบาท โดยเฉพาะการลงทุนจากจีน รวมถึงประเทศต่างๆ ที่เคยลงทุนในจีน และมีปัญหาในการส่งออกจากจีนไปสหรัฐฯจากผลกระทบสงครามการค้ากับสหรัฐฯจะมาลงทุนในอาเซียน ซึ่งรวมถึงไทยมากขึ้น
4ชาติพร้อมลงทุนไทยเพิ่ม
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า การเปิดประเทศ ต้องดูว่ารัฐบาลได้เตรียมความพร้อมแค่ไหน มีการฉีดวัคซีนไปแล้วกี่เปอร์เซ็นต์ ครอบคลุม 70% ของประชากรแล้วหรือไม่ รวมถึงการตรวจหาเชื้อมีความพร้อมขนาดไหน ซึ่งการเปิดประเทศเป็นเรื่องที่ดี เพราะนักลงทุนต่างประเทศ (FDI)เองมีการส่งสัญญาณว่าต้องการเดินทางเข้ามา โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซีที่ต้องการเข้ามาดูพื้นที่จริง
สำหรับอุตสาหกรรมที่ที่ต่างชาติและคนไทยสนใจและมีโอกาสที่จะขยายการลงทุนเพิ่ม อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ การแพทย์ อาหารยุคใหม่ที่เกี่ยวกับสุขภาพต่างๆ เป็นต้น ส่วนกลุ่มนักลงทุนที่สนใจเข้ามาหลังรัฐบาลเปิดประเทศยังคงเป็นกลุ่มทุนเดิมที่ยังเชื่อมั่นไทย เช่น ญี่ปุ่น ซึ่งมีฐานการลงทุนอยู่ในไทยจำนวนมากและรู้จักข้อดีข้อเสียของไทยเป็นอย่างดี รวมถึงกลุ่มทุนจีนที่ส่งสัญญาณเข้ามาจำนวนมากก่อนช่วงโควิด ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากจากยางพารา เช่น ยางล้อรถยนต์ ถุงมือยาง เป็นต้น จากไทยเป็นแหล่งวัตถุดิบช่วยลดต้นทุน นอกจากนี้มีกลุ่มทุนจากยุโรป และสหรัฐฯ ที่สนใจจะเข้ามาลงทุนเช่นกัน
อสังหาฯรอโอน 5 หมื่นล้าน
ด้านนายอธิป พีชานนท์ ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยว นักลงทุนเป็นเรื่องที่ดี จากช่วงปี 2563 จนถึง ณ ปัจจุบันภายใต้สถานการณ์โควิดต่างชาติเดินทางมาไทยน้อยมาก และส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์มีที่อยู่อาศัยที่รอการโอนอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะนักลงทุนที่เป็นกลุ่มคนจีนที่คิดเป็นสัดส่วนกว่า 50% ของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยที่ยังไม่มีการโอนและบางรายก็ทิ้งการโอนไปเพราะไม่สามารถเดินทางมาทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้ รวมเป็นเม็ดเงินราว 5หมื่นล้านบาท
”การเปิดประเทศไม่ได้หมาย ความว่าภาคอสังหาฯจะได้อานิสงส์ในทันทีเพราะกลุ่มที่เข้ามาไม่ใช่นักลงทุนหรือกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบกลุ่มที่มีรายได้สูงมาก แต่กลุ่มข้างต้นยังห่วงเรื่องความปลอดภัยและจะรอดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสและการบริหารจัดการของรัฐบาล เพราะไทยเป็น 1 ใน 30 ของประเทศเสี่ยงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสค่อนข้างสูงอยู่ แต่คาดกลุ่มนี้จะเข้ามาในช่วงต้นปีถึงกลางปีหน้า เพื่อจะเข้ามาซื้ออสังหาฯ หรือมาท่องเที่ยว นอกจากจีนแล้ว ยังมีกลุ่มนักลงทุนแถวเพื่อนบ้านไทยในอาเซียน เช่นสิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม ฮ่องกง หรือฝั่งยุโรป รัสเซีย เยอรมัน และสหรัฐที่จะเข้ามาซื้ออสังหาฯในระยะถัดไป”
รายงานข่าวจากภาคอสังหาริมทรัพย์ระบุว่า แผนเปิดประเทศของรัฐบาล ดีเดย์ พ.ย. นี้ ยังเป็นความหวังโค้งสุดท้าย ที่จะเรียกกำลังซื้อของกลุ่มนักลงทุน และลูกค้าต่างชาติ ให้กลับเข้ามาโอนกรรมสิทธิ์ในหน่วยห้องชุด (คอนโดมิเนียม) ที่เคยซื้อขายไปในช่วง 2 ปีก่อนหน้า ซึ่งตลอด 2 ปีวิกฤติ (2563-2564) มีคอนโดฯหลายสิบแห่งที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ ลูกค้าต่างชาติค้างโอนฯ มูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท (ข้อมูลจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไยไทย ) กระจายอยู่ในทำเลสำคัญ ทั้งกทม., ภูเก็ต, เชียงใหม่, พัทยา, ระยอง และหัวหิน
ค่ายใหญ่ลุ้นลูกค้าคัมแบ็ก
”ฐานเศรษฐกิจ” ตรวจสอบยอดค้างโอนฯในมือผู้ประกอบการรายใหญ่ ฐานลูกค้าต่างชาติ พบ ข้อมูล ณ สิ้น มิ.ย. 64 บริษัท โนเบิล ดีเวล ลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 4,000 ล้านบาท ขณะ บมจ.แสนสิริ มีตัวเลขต่างชาติรอโอนฯในครึ่งปีหลัง ประมาณ 21% จาก Backlog 17,700 ล้านบาท หรือ 3,717 ล้านบาท ในโครงการแล้วเสร็จ “เอดจ์ เซ็นทรัล - พัทยา” และ เอ็ก ที ห้วยขวาง ซึ่งขณะเปิดตัว ทำยอดขายต่างชาติได้ถล่มทลาย
ด้าน บมจ.ศุภาลัย เผย มีโครงการคอนโดฯใหม่ที่แล้วเสร็จทยอยรอโอนฯ ช่วง 3 เดือนสุดท้าย จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ ศุภาลัย พรีเมียร์ เจริญนคร, ศุภาลัย ริวา แกรนด์ และศุภาลัย เวอเรนดา ภาษีเจริญ แต่ยอดลูกค้าต่างชาติกระจุกตัวอยู่ในโครงการ ศุภาลัย โอเรียนทัล สุขุมวิท 39 รวมยอดค้างโอนทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท และ บมจ.ไรมอนแลนด์ มียอดรอโอนฯ รวมคนไทย-ต่างชาติ ราว 5,000 ล้านบาท เป็นต้น
2 บิ๊กห้างฯหวังปลุกกำลังซื้อ
ด้านนางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า หากรัฐบาลเปิดประเทศได้ในวันที่ 1 พ.ย. ตามที่วางแผนไว้ เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อภาคเศรษฐกิจ เพราะหลายธุรกิจ โดยเฉพาะอุตสาห กรรมบริการ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านอาหาร สายการบิน รวมถึงห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าในเมืองที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาคึกคักขึ้น
”การเปิดประเทศจะทำให้ภาคเศรษฐกิจกลับมาคึกคัก จากการใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันภาครัฐต้องมีมาตรการออกมากระตุ้นหรือเรียกว่าปลุกมู้ด สร้างบรรยายกาศให้เกิดการใช้จ่าย ซึ่งจะทำให้ไตรมาส 4 กลับมาเป็นบวก เพราะหากไม่ทำอะไรเลย ทุกอย่างก็จะทรงตัว เพราะวันนี้ปัจจัยลบไม่ได้มีเฉพาะโควิด แต่ยังมีสถานการณ์น้ำท่วม ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและธุรกิจด้วย”
นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูนสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า ประกาศคลายล็อกธุรกิจโรงภาพยนตร์ ฟิตเนส สถาบันกวดวิชา ที่จะมีผลในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ทางศูนย์การค้าเซ็นทรัล มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเปิดให้บริการ และพร้อมปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐอย่างเคร่งครัด โดยภาพรวมประเทศช่วงไตรมาสสุดท้ายมีทิศทางเป็นบวกจากหลายปัจจัย แต่ต้องใช้มาตรการป้องกันและคัดกรองอย่างเข้มงวด ขณะที่ภาพรวมของศูนย์การค้านับจากเปิดให้บริการตั้งแต่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมาพบว่าลูกค้าเข้ามาจับจ่ายใช้สอยกันอย่างคึกคัก คาดว่าจะมีทราฟฟิกกลับมาได้ 70-80% ภายในไตรมาส 4 นี้
Reference: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ