ไนท์แฟรงค์ ชี้ Q1อสังหาฯฟื้น ท่องเที่ยว-บ้านหรู เร่งกำลังซื้อ
”ไนท์แฟรงค์” เผยตลาดอสังหาฯไทยสัญญาณบวกทยอยฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงปลายปี 65 ต่อเนื่อง Q1/66 ชี้กำลังซื้อระดับบน ดันยอดขายบ้านหรู กรุงเทพฯ และปริมณฑลพุ่ง 19,476 ยูนิต จับตาวิลล่าและคอนโดฯ ภูเก็ตร้อนแรงจากกลุ่มลูกค้ารัสเซียและจีน ด้านตลาดโรงแรมผ่านจุดต่ำสุดเริ่มขยับพร้อมรับมือตลาดไมซ์
นายแฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า สัญญาณความเชื่อมั่นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในปี 66 ส่งผลเป็นบวก ต่อตลาดอสังหาฯ ไทย ทำให้มีการเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่หลายแห่ง ประกอบกับการเลือกตั้งทั่ว ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ และการเปิดประเทศจีน จากส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ ไทยขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในส่วนของตลาดคอนโดมิเนียม โครงการประเภท Branded Residence เป็นกลุ่มที่มีอัตราการขายได้ดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากลูกค้าเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง อาทิ คนไทย สิงคโปร์ และฮ่องกง เป้าหมายเพื่อการลงทุนระยะยาว และซื้อเพื่ออยู่อาศัย ทำเลแรไอเทม ประทับใจการให้บริการระดับ 5-6 ดาว เพราะมองว่าอนาคตราคามีความเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ในคอนโดเปิดใหม่และการขายต่อคอนโดหรูหลายแห่งมีผลประกอบการที่ดีและเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยในไตรมาสที่ 1/66 ดีมานด์คอนโดเพิ่มสูงขึ้น สอดคล้องกับยอดขายที่ปรับตัวขึ้นในทำเลวิทยุ หลังสวน และเอกมัย ซึ่งรับอานิสงส์กำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นจากต่างชาติหลังการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 โดยโครงการส่วนใหญ่มียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 15%
”ในไตรมาส 1/65 ซับพลายรวมคอนโดเปิดใหม่มีทั้งสิ้น 8,953 ยูนิต ส่วนใหญ่อยู่ในชานเมืองกรุงเทพฯ โดยที่การเปิดตัวใหม่นั้นมีการปรับตัวลดลง 9.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 และลดลง 20.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว”
ในด้านความต้องการโครงการ อสังหาฯ ใหม่ก็ลดลงเหลือเพียง 28.8% จาก 30.7%ในไตรมาสที่ 3 ปี 65 ซึ่งราคาขายคอนโดในไตรมาสที่ 4/65 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยในทุกพื้นที่เฉลี่ย 0.29% เนื่องจากรัฐบาลยุติมาตรการ LTV ( Loan to Value : LTV) โดยที่ลูกค้ากลุ่มหลักของตลาดนี้ยังเป็นนักลงทุนที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่า
ขณะที่ ตลาดบ้านเดี่ยว 10-20 ล้านบาทมีอัตราการเติบโตสูง ซึ่งจากผลสำ รวจบ้านระดับบนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่าบ้านราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทถึง 100 ล้านบาทขึ้นไป มียอดขาย 19,476 ยูนิต คิดเป็นยอดขาย 79.2% จากหน่วยเสนอทั้งหมด 24,602 ยูนิต โดยอัตราการขายปรับตัวลดลง 3.9% จากครึ่งแรกของปี65 แต่ก็เพิ่มขึ้น 1.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 64 ซึ่งเป็นผลจากซับพลายที่เพิ่มขึ้นสองเท่าของ ซัปพลายที่เหลืออยู่
คาด 1-2 ปีตลาดคอนโดฯ ภูเก็ต ฟื้นตัวสู่สภาวะปกติ
สำหรับตลาดอสังหาฯ ภูเก็ตยังเป็นตลาดที่อยู่อาศัยเพื่อพักผ่อนที่ได้รับอานิสงค์จากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยคอนโดเปิดขายใหม่ส่วนใหญ่อยู่บริเวณหาดบางเทามากถึง 45% รองลงมาเป็นที่หาดลายัน 31% ขณะที่ตลาดคอนโดจังหวัดภูเก็ตช่วงปลายปี 65 คอนโดฯขายได้ 18,613 ยูนิต จาก 24,211 ยูนิต คิดเป็น 76.9% ณ ปัจจุบันมียูนิตเหลือขายอยู่ในตลาด 5,598 ยูนิต โดยภาพรวมคาดว่าตลาดจะกลับสู่ภาวะปกติเหมือนช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 ได้ภายใน 1-2 ปี
นักท่องเที่ยวรัสเซียแห่ซื้อวิลลาภูเก็ต
สำหรับทิศทางตลาดวิลลา มีแนวโน้มสดใส ดีมานด์และซัปพลายเติบโตทั้งการซื้อและเช่า จากกำลังซื้อที่เกิดขึ้นพบว่าชาวต่างชาติซึ่งต้องการซื้อบ้านที่ภูเก็ตไว้เป็นบ้านหลังที่สอง ในขณะที่บางส่วนสนใจเช่าวิลลามากกว่าคอนโด เพราะต้องการสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับครอบครัว และยังสามารถปล่อยเช่า สร้างผลตอบแทนได้ 8-10 %ต่อปี
ทั้งนี้ ในช่วงปลายปี 65 วิลลาในภูเก็ต ขายได้ 3,595 จากทั้งหมด 4,375 ยูนิต คิดเป็นอัตราขาย 82.1% เพิ่มขึ้น 1% จากปี 64 ที่มียูนิตใหม่ขายได้ 341 หลัง จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดวิลล่าเป็นผลมาจากนักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางเข้ามาในไทยด้วยเหตุผลต้องการหนีภาวะสงคราม และเพื่อท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซัน ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับนโยบายของประเทศที่จะประกาศห้ามโอนเงินข้ามประเทศหรืออาญัติบัญชี ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถทำธุรกรรมประเภทเดบิตได้ในอนาคต โดยทำเลที่ได้รับความนิยมในการพัฒนาวิลล่ามากที่สุดอยู่ในพื้นที่ตำบลเชิงทะเล แม้ไม่ติดชายหาด แต่เป็นทำเลใกล้ภูเขาและป่าไม้บรรยากาศโดยรวมเงียบสงบกว่าและเหมาะแก่การพักผ่อน
นายณัฏฐา คหาปนะ กรรมการผู้จัดการ ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯในภูเก็ตได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยว โดยชาวรัสเซียมีสัดส่วนมากถึง 40-60% จากลูกค้าทั้งหมด หากเทียบกับเมื่อก่อนจะมีสัดส่วนเพียง 10-15% เท่านั้น โดยความสนใจจะอยู่ที่ทำเลหาดกะตะ หาดกะรน หาดป่าตอง หาดกมลา หาดบางเทา เชิงทะเล (ลากูนา) และหาดในทอน ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ดังกล่าวขยับขึ้นอีก 15-20%
ทั้งนี้คาดว่าความต้องการของลูกค้ารัสเซียจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปอีก 1-2 ปีข้างหน้า โดยการตัดสินใจซื้อจะมองเรื่องทำเล ราคาขาย และชื่อเสียงของผู้พัฒนาโครงการ ซึ่งนอกจากชาวรัสเซียแล้วยังมีความต้องการจากลูกค้าชาวจีนสนับสนุนเข้ามาอีกทางหนึ่ง
Reference: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา