ได้เวลา อรสิริน เชียงใหม่ บุกลงทุนบ้าน-คอนโดฯ 4,600 ล้าน
1 ในท็อปแบรนด์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เมืองเชียงใหม่ ค่าย “อรสิริน”
หลังยุคโควิด เตรียมสรรพกำลังพร้อมบุกตะลุยไปข้างหน้าอย่างเต็มกำลังในปี 2566
ฟื้นตัวตามธุรกิจท่องเที่ยว
”ปรีดิกร บูรณุปกรณ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิรินโฮลดิ้ง จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาฯเชียงใหม่และภาคเหนือตอนบนขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้น มีสัญญาณการ ฟ้นตัวตามภาคธุรกิจท่องเที่ยวหลังจากจีนเปิดประเทศ ส่งผลให้กำลังซื้อ ต่างชาติจะเข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่โดยตรง
”ปัจจุบันชาวต่างชาติที่เข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยในจังหวัดเชียงใหม่ มากกว่าครึ่งเป็นชาวจีน โดยหลังจากจีนเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ถือเป็นปัจจัยบวกและโอกาสในการขายของอรสิริน”
ทั้งนี้ การฟ้นตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยว เพิ่มโอกาสในการเข้าเยี่ยมชมโครงการของลูกค้าต่างชาติประเทศ อื่น ๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น เมียนมา ญี่ปุ่น เกาหลี และลูกค้าจากโซน ยุโรป
ลงทุนใหม่ 4,600 ล้าน
แผนลงทุนปี 2566 อรสิรินวางแผนเปิดตัวใหม่ 7 โครงการ มูลค่ารวม 4,600 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการบ้านแนวราบ 4 โครงการ มูลค่า 2,800 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 1,800 ล้านบาท
สำหรับปีนี้ กลยุทธ์การแข่งขันยังคงเน้นพัฒนาสินค้าซื้อทดแทน เช่น การพัฒนาบ้านแฝดเพื่อให้ลูกค้าซื้อทดแทนบ้านเดี่ยว เนื่องจากการฟ้นตัวของกำลังซื้อปีนี้มองว่าจะค่อยเป็นค่อยไป ส่วนตลาดคอนโดฯ ซึ่งชะลอตัวในยุคโควิด คาดว่าจะสามารถกลับมาฟ้นตัวได้ดีในปีนี้
อรสิรินจึงเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใหม่ 3 โครงการ เน้นออกแบบให้ลูกค้ารู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวมากขึ้น นำเสนอราคาที่ผู้บริโภคเอื้อมถึงหรือกลุ่ม affordable รวมถึงเลือกทำเลแข่งขันที่ยังมีช่องว่าง ทางการตลาดและมีดีมานด์รองรับ
โปรดักต์ตอบโจทย์ทุกกลุ่ม
”ปรีดิกร” เฉลยโจทย์การเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย มีการแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ ลูกค้าคนในพื้นที่ กับลูกค้าต่างพื้นที่ โดยพฤติกรรมผู้บริโภคลูกค้าคนในพื้นที่หรือคนเชียงใหม่ พบว่า นิยมซื้อบ้านเดี่ยวและคอนโดฯ ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นภาพเดียวกับตลาดฐานใหญ่ (mass market) ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล
สำหรับกลุ่มลูกค้าต่างพื้นที่ มีหลายกลุ่มคละกัน ไม่ว่าจะเป็นคนต่างจังหวัดในเขตภาคเหนือตอนบน, กลุ่มผู้ซื้อเพื่อลงทุนสร้างผลตอบแทน, ลูกค้าต่างชาติที่มีโควตาซื้อคอนโดฯ 49% โดยพบว่ากลุ่มลูกค้าต่างพื้นที่ มีดีมานด์ซื้อที่อยู่อาศัยราคาเกิน 3 ล้านบาทขึ้นไป เนื่องจากคำนึงถึงทำเลที่ตั้งโครงการ ต้องการพื้นที่ ใช้สอยและขนาดพื้นที่บ้านขยายใหญ่มากขึ้น
Reference: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ