โทเคนดิจิทัล ทางเลือกการลงทุน คลื่นลูกใหม่ตลาดทุนไทย
กานต์ชนก พรรัตนวิสัย
กรุงเทพธุรกิจ
ปัจจุบันการกระจายความเสี่ยง การลงทุนในหลายๆสินทรัพย์ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี หรือ ประคับประคองพอร์ตลงทุน จากภาพการลงทุนที่มีปัจจัยความไม่แน่นอนทั้งปัจจัยในประเทศและต่างประเทศที่เข้ามากระทบ ซึ่งกรุงเทพธุรกิจจัดงานสัมมนา Investment Forum : New Chapter, New Opportunity ในช่วง Alt Investments ทางเลือกลงทุน เพิ่มความมั่งคั่ง ได้ 2 ผู้บริหารของบริษัท เรียลเอสเตท เอกซ์โพเนแชียล จำกัด และบริษัท เนสท์ติฟลาย จำกัด มาฉายภาพเทรนด์การลงทุนทางเลือกมาแรงในอนาคต
วีรพงษ์ ชุติภัทร์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียล เอสเตท เอกซ์โพเนแชียล จำกัด กล่าวว่า จากนี้ “โทเคนไนเซชัน” (Tokenization) จะเป็นเทรนด์การลงทุนในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงเป็นคลื่นลูกใหม่ในการเปิดตลาดการลงทุนตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทยสู่นักลงทุนมากยิ่งขึ้น จาก รูปแบบการทำงานง่ายกว่า คล่องตัวกว่าและมีความเชื่อมั่นมากกว่า และตอบโจทย์นักลงทุนที่ไม่มีความรู้ทางการเงิน
โดยบริษัทได้มีโครงการเสนอขาย โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน “เรียลเอ็กซ์” (RealX Investment Token) คือการลงทุนทางเลือกในรูปแบบเหรียญโทเคนดิจิทัล (Token Digital) ซึ่งมีสินทรัพย์อ้างอิงเป็นอสังหาริมทรัพย์ จาก บริษัท ออริจิน พรอพเพอตี้ทั้งหมด 361 ยูนิต จาก 3 โครงการ ได้แก่ พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ (138 ห้อง) พาร์ค ออริจิ้น พญาไท (123 ห้อง)และพาร์ค ออริจิ้น พร้อมพงษ์ (100 ห้อง) ซึ่งคอนโดทั้ง 3 แห่งนี้เป็นสินทรัพย์ที่มีโอกาสเพิ่มมูลค่าในอนาคต เนื่องจากซัพพลายที่มีจำกัดและที่ดินพัฒนาโครงการใหม่ที่หาได้ยากขึ้น ทำให้ความต้องการเช่าคอนโดฯ ในทำเลใจกลางเมือง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และยังได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศและภาพรวมเศรษฐกิจที่กำลังทยอยฟื้นตัวทำให้สามารถเห็นภาพจากผลประโยชน์ที่เกิดจากสินทรัพย์นี้ชัดเจนขึ้น
ทั้งนี้ผลตอบแทนของ RealX investment Token มาจากรายรับค่าเช่า และ ส่วนต่างของกำไรจากการขายคอนโดในห้องที่กำหนดไว้จากทางโครงการ โดยการันตีรายได้ใน 5 ปีแรก จากปีที่ 1-5 จะได้รับผลตอบแทน เป็นรายไตรมาสจากค่าเช่า และ การันตีรายรับสุทธิของโครงการ ในปีที่ 1-5 อัตรา 4-5% ต่อปี ถัดมา ในปีที่ 6-10 จะได้รับผลตอบแทน รายไตรมาสจากการขายคอนโดฯและค่าเช่า โดยจะมีแผนการขายตาม ที่โครงการกำหนดไว้
วีรพงษ์ กล่าวว่า บริษัทมีความตั้งใจให้ RealX มีความแตกต่างจาก คริปโทเคอร์เรนซีด้วยการเป็น “เหรียญขาว” ที่มีที่มาชัดเจน ทั้งผู้ออกเหรียญที่ได้รับการรับรอง หรือภายใต้การกำกับของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด (Token X) ภายใต้กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ (SCBX Group) ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal)
ทั้งนี้คาดว่าโทเคนดิจิทัลฯ RealX จะเปิดเสนอขายวันที่ 1 ก.ค.2566 จำนวนไม่เกิน 19,230,769 โทเคน ที่ราคา 182 บาทต่อโทเคน และเข้าจดทะเบียนในTDX ภายในเดือน ส.ค. 2566
การเสนอขายครั้งแรกบน TDX ถือเป็นการทำงานหนักสำหรับบริษัท ในการนำเสนอเรื่องเทคโนโลยีและ การใช้งานที่ทุกคนไม่ค่อยคุ้นชิน ซึ่ง อาจใช้เวลาในการทำความเข้าใจและ ให้ความสำคัญในเรื่อง “ผลตอบแทน” แม้ว่าจะเป็นการลงทุนรูปแบบใหม่ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี แต่ยังคงได้รับผลตอบรับที่ดีในกลุ่มนักลงทุนรุ่นเก๋า อายุ ตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป และเรียกความสนใจ จากนักลงทุนรุ่นใหม่ได้เช่นกัน จากการเป็นโปรดักต์การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความมั่นคง เพราะมีสินทรัพย์อ้างอิง และได้รับการรับรองจากหลายหน่วยงาน อย่างไรก็ดี บริษัทรอดู ผลประกอบการและผลตอบรับหลังจากเปิดตลาด ที่หวังว่าจะเป็นคลื่นลูกใหม่ให้ตลาดโทเคนไนเซชั่น
การลงทุนทางเลือกไม่เพียงแต่เป็นการเปิดโอกาสให้กับฝั่งนักลงทุนเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้กับผู้ที่ต้องการสินเชื่อ ที่ไม่สามารถเข้าถึงเจ้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินได้อีกด้วย
พิชิต จงสฤษดิ์หวัง ผู้ร่วมก่อตั้ง และซีอีโอ บริษัท เนสท์ติฟลาย จำกัดกล่าวว่า การลงทุนทางเลือก Private debt ร่วมกับเทคโนโลยียุคใหม่สู่ Peer-to-Peer Lending จะกลายเป็น เครื่องมือที่เข้ามาแก้ปัญหาในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมให้ดีขึ้น ในเรื่องความเหลื่อมล้ำทางการเงินด้วยโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนระหว่าง “ผู้ต้องการกู้” และ “ผู้ปล่อยกู้” แม้ตลาดจะมีความท้าทายของธุรกิจ เนื่องจาก “เนสท์ติฟลาย” เป็น P2P Lending Platform รายแรก ของประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลังและอยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย และเป็นรูปแบบการลงทุนทางเลือกที่เติบโตในต่างประเทศ ในขณะนี้การลงทุนใน Private debt ทั่วโลกมีมูลค่าอยู่ที่ 1 ล้านล้านดอลลาร์ และจะเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งคิดเป็น 10% ของการลงทุนทางเลือกทั้งหมดในตลาด
และสิ่งสำคัญของการลงทุนทางเลือก นั่นคือไม่ผันผวนตามตลาดโลกเหมือนกับตลาดหุ้น รวมทั้งมีรูปแบบ รีเทิร์นที่แตกต่างกัน ซึ่งความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนก็จะสูงตามไปด้วย แม้ว่าจะมีความเสี่ยงที่หลากหลายแต่ความเสี่ยงจะขึ้นอยู่กับทรัพย์สินค้ำประกันและความน่าเชื่อถือของผู้ให้กู้
“หุ้นค้ำประกัน” หรือ Stock Lend by NestiFly สินเชื่ออเนกประสงค์ที่ใช้หุ้นใน SET เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ผ่านระบบ P2P สามารถทำธุรกรรม ผ่านแอปพลิเคชันได้คือรูปแบบสินเชื่อประเภทแรกของเนสท์ติฟลาย ที่เปิดโอกาสให้ผู้ต้องการเงินทุนที่มีมูลค่าหุ้นน้อย เช่น 1 แสนบาท และ 5 แสนบาท มาค้ำประกันเพื่อกู้ โดยสามารถนำหุ้นที่ท่านถืออยู่มาขอกู้บนแพลตฟอร์มซึ่งมูลค่าเงินกู้จะคิดอยู่ที่ 30-60% ของมูลค่าหุ้นที่นำมาเป็นหลักทรัพย์
Reference: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ