แบงก์ชาติลุยรื้อเกณฑ์คลินิกแก้หนี้
เพิ่ม3ทางเลือกดอกเบี้ยต่ำ-ยืดเวลาผ่อนนานขึ้น
แบงก์ชาติปรับปรุงเงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้ในโครงการคลินิกแก้หนี้ ให้คนเป็นหนี้ก่อน 1 ก.ย.65 รวมถึงเพิ่ม 3 ทางเลือก ดอกต่ำ หรือผ่อนนานขึ้น
นางธัญญนิตย์ นิยมการ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 2 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการคลินิกแก้หนี้ (กคน.) ได้ปรับปรุงเงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้ ในโครงการคลินิกแก้หนี้ 2 เรื่อง ได้แก่
1.ปรับเกณฑ์คุณสมบัติการสมัครเข้าร่วมโครงการ ให้ครอบคลุมลูกหนี้ที่มีสถานะเป็นหนี้เสีย จากเดิมก่อนวันที่ 1 เม.ย. 2565 เป็นก่อนวันที่ 1 ก.ย. 2565 เพื่อรองรับหนี้เสียรายใหม่ ให้สามารถเข้าร่วมโครงการได้
2.ปรับทางเลือกการปรับโครงสร้างหนี้ จากเดิมที่มีเพียงทางเลือกเดียว เป็น 3 ทางเลือก ดังนี้ 1.ผ่อนชำระ ไม่เกิน 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี 2.ผ่อนชำระ นานกว่า 4 ปี ไม่เกิน 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี และ 3.ผ่อนชำระนานกว่า 7 ปี ไม่เกิน 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี โดยให้มีผลสำหรับหนี้ใหม่ที่เริ่มผ่อนชำระ ในโครงการตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. 2565 เป็นต้นไป
”ลูกหนี้ควรพิจารณาทางเลือกในการปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสมกับความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ของตนเอง โดยลูกหนี้สามารถชำระและปิดจบหนี้ได้เร็วกว่าเงื่อนไขที่ตกลงไว้ โดยไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียม หรือค่าปรับใด แต่หากไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไข ก็อาจต้องออกจากโครงการไป” นางธัญญนิตย์กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานของโครงการคลินิกแก้หนี้ สะสมจนถึงสิ้นเดือนส.ค. 2565 มีลูกหนี้เข้าโครงการจำนวน 30,137 ราย รวม 90,539 บัญชี ภาระหนี้เงินต้นตามสัญญา 6,849 ล้านบาท โดยเฉลี่ยลูกหนี้ 1 ราย มีเจ้าหนี้ ในโครงการ 2 ราย เงินต้นคงเหลือตามสัญญา 232,844 บาท ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เข้าโครงการในช่วงโควิด-19 คือ ปี 2563 ถึงปัจจุบัน จำนวน 26,943 ราย 78,744 บัญชี
อย่างไรก็ดี ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ธปท. ได้ร่วมกับกระทรวงการคลังแถลงข่าวการจัดงาน “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ : มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ซึ่งครอบคลุมหนี้ประเภทต่างๆ จากเจ้าหนี้เอกชน และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมประมาณ 60 แห่ง มีกำหนดจะเริ่มเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนออนไลน์ เป็นเวลาประมาณ 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย. 2565 มุ่งช่วยลูกหนี้ที่ประสบปัญหาการชำระหนี้ รายได้ยังไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 จึงขอให้ประชาชน ที่เข้าข่ายโปรดติดตามข่าว และเตรียมตัวลงทะเบียนต่อไป
Reference: หนังสือพิมพ์ข่าวสด