เอพี บุกหนัก บ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮ้าส์
“เอพี”ชี้ตลาดแนวราบโตต่อเนื่อง ยันปีหน้าโชว์ยอดขาย 8 เดือนกว่า 18,400 ล้านบาท ประกาศทิ้งทวน 4 เดือนสุดท้าย ลุยเปิดตัวบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ 16 โครงการ
นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) คาดว่า สถานการณ์ตลาดแนวราบไตรมาส 4 ปีนี้ ไปจนถึงปี2564 ยังคงเติบโตดี สังเกตได้จากยอดขาย รายได้และกำไรในช่วง ครึ่งปีที่ผ่านมา เติบโตก้าวกระโดดหลังจากได้ เปิดตัวโครงการใหม่ 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค.) 20 โครงการ มูลค่า 21,410 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 10 โครงการ และทาวน์เฮ้าส์ 10 โครงการ
ส่งผลให้บริษัทมียอดขาย (Presale)รวมกว่า 21,420 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของเป้าหมายยอดขายรวมทั้งปี ที่ 33,500 ล้านบาท โดยยอดขาย จำนวน 18,400 ล้านบาท มาจากสินค้ากลุ่มแนวราบ คิดเป็น 82% ของเป้าหมายยอดขายแนวราบ ทั้งปีที่ 22,500 ล้านบาท เติบโตขึ้น 15% หากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ดังนั้นในช่วง4 เดือน(ก.ย.-ธ.ค.) ปีนี้ บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบ เพิ่มอีก จำนวน 16 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 17,550 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว จำนวน 8 โครงการ มูลค่ารวม 7,955 ล้านบาท และเป็นโครงการประเภททาวน์เฮ้าส์ จำนวน 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 9,595 ล้านบาท “ปัจจุบันความต้องการโครงการประเภทแนวราบ ยังคงมีต่อเนื่อง เรามองว่าจำนวนซัพพลายไม่ได้มีปัญหาล้นตลาดเหมือนกับคอนโด จึงเป็นโอกาสในการขยายตลาด” นายรัชต์ชยุตม์ กล่าวและว่า
ปัจจุบันเอพีมียอดขายรอโอน (Backlog) รวมโครงการร่วมทุน มูลค่า 49,330 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปี 2563 ประมาณ 21,018 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 12,010 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า จะรับรู้ทั้งหมดภายในปี 2563 และโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 37,320 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปี 2563 ประมาณ 9,008 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566
นางพิมพรรณ ปรีชานนท์ ผู้อำนวยการ อาวุโส สายงานบริหารแบรนด์และพัฒนาสินค้าบ้านเดี่ยวเอพี กล่าวว่า ปัจจุบัน ความท้าทายของการพัฒนาสินค้าบ้านเดี่ยวมาถึงจุดที่ยกระดับไปมากกว่า เรื่องของ ทำเลที่ตั้ง และเรื่องของฟังก์ชันการใช้งาน หัวใจของการออกแบบพัฒนาโครงการใน วันนี้และในอนาคต จึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่แบรนด์ต้องกลับมาทำการบ้านใน การออกแบบพื้นที่มากขึ้น รวมถึงการเข้าใจอินไซต์ของการใช้พื้นที่ที่แตกต่างกันของทุกสมาชิกในครอบครัว รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้กับการอยู่อาศัย จนเกิดเป็นแนวคิด HYBRID LIVING นวัตกรรมบ้านที่เข้าใจการใช้ชีวิตแบบไฮบริด
โดยผ่าน 4 แกนหลัก ประกอบด้วย 1.Cost-saving นวัตกรรมเพื่อส่วนรวมกับพื้นที่ส่วนกลางที่รองรับการทำกิจกรรมแบบจัดเต็มของคนทุกวัย โดยไม่ต้องกังวลถึงค่าใช้จ่าย ด้วยคลับเฮ้าส์พลังงาน แสงอาทิตย์ ทำงานผ่านระบบโซล่าเซลล์ ที่อยู่ในส่วนบนของหลังคาคลับเฮ้าส์
2.Community นวัตกรรมที่ดูแลคอมมูนิตี้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน Katsan Platform ผู้ช่วยคุ้มกันอัจฉริยะ ซึ่งจะทำหน้าที่คัดบุคคล ที่จะเข้ามาภายในโครงการ
3.Security นวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยกับระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะภายในบ้าน ดูแลสมาชิกทุกคนตลอด 24 ชั่วโมง
และ 4.Comfort นวัตกรรมเพื่อความสะดวกสบายกับระบบสั่งการอัจฉริยะ Smart Home Gateway และ Security Module
Reference: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ