เค.ซี.ฯ ปรับทัพ-วางกลยุทธ์ด้านราคาพร้อมแข่งขันในช่วงตลาดฟื้นตัวในปี 65
นายสันติ ปิยะทัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการปรับองค์กรบริหารงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะช่วยขับเคลื่อนบริษัท ให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเสริมทัพด้วยบุคลากรที่มีความสามารถและทันสมัย เพื่อให้ เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า ได้ดียิ่งขึ้น โดยความหลากหลายในด้านความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในธุรกิจของทีมผู้บริหาร ประกอบกับความเข้าใจและสามารถนำเทคโนโลยีนวัตกรรมเข้ามาประยุกต์ใช้ จะทำให้เราขับเคลื่อนองค์กรไปสู่การเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยที่มีการเติบโตอย่างมั่นคง มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี โปร่งใส มีความพร้อมที่จะผลักดัน การเติบโตของบริษัท รองรับแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่จะคึกคักและมีการแข่งขันมากขึ้นในช่วงปลายปี 2564 ต่อเนื่องในปี 2565 ด้วย
ทั้งนี้จากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในระหว่างปี 2563-2564 ที่ผ่านมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 มีโครงการที่อยู่อาศัยใหม่เข้ามาในตลาดลดลง แต่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ที่คาดการณ์ว่าในช่วงต้นปี 2565 จะมีโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายเพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2564 ถึง 95% และมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 24.3% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ในขณะที่มูลค่าในครึ่งแรก ของปี 2565 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 100.3%
”แนวโน้มตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภค ที่ต้องดำเนินชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) เพราะผู้บริโภคปรับพฤติกรรมเช่น มีการทำงานที่บ้านมากขึ้น (Work from Home) จึงต้องการบ้านแนวราบที่มีพื้นที่มากขึ้น และมีความปลอดภัย รวมทั้งมีการค้นหาข้อมูลในหลายช่องทาง (Omni-channel) ก่อน ตัดสินใจซื้อ ดังนั้น ผู้ประกอบการเองก็ต้องมีการปรับกลยุทธ์ ปรับ รูปแบบการทำงาน แนวคิดในการพัฒนาโครงการ และช่องทางการสื่อสารให้สอดคล้องตามไปด้วย”
นายสันติกล่าวอีกว่า หนึ่งในกลยุทธ์หลัก ที่จะสนับสนุนความสามารถในการแข่งขันของบริษัท คือ กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ โดยวางแนวทางหลัก คือ เน้นดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ มีความสร้างสรรค์ แต่ยังคงรักษาความโดดเด่นและคุ้มค่าในด้านโครงสร้าง พร้อมทั้งพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง ทำให้ลูกค้าสามารถ จัดพื้นที่ใช้สอยได้เพียงพอต่อทุกความต้องการ สามารถ ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมเพื่ออยู่อาศัย ใช้ทำงาน และ ทำกิจกรรมต่างๆ กับครอบครัว ในทุกไลฟ์สไตล์ รวมถึงการพัฒนาบ้านโดยใช้เทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย เช่น ระบบบ้านอัจฉริยะ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ แพลตฟอร์มเพื่อการอยู่อาศัยต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มาใช้กับบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนจุดเด่นอีกประการหนึ่ง คือ กลยุทธ์ด้านราคา ซึ่งบริษัทมุ่งเน้น การสร้างความคุ้มค่าในผลิตภัณฑ์ทุกระดับเพื่อสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มโดยมีราคา เริ่มต้นที่จับต้องได้ง่าย อาทิ ทาวน์โฮม ราคา 1 ล้านต้นๆ โครงการบ้านเดี่ยวที่ราคาเริ่มต้น ราคา 2 ล้านกลางๆ โครงการบ้านเดี่ยว ราคา 4-5 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว ราคา 8-15 ล้านบาท
Reference: หนังสือพิมพ์แนวหน้า