อารียา ไตรมาสสองโต 34% สวนกระแสโควิด ปลื้มความสำเร็จ หมู่บ้านปลอดขยะ
ท่ามกลางมหาวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ธุรกิจจำนวนมากต้องเผชิญกับปัจจัยลบ กลับปรากฏว่า “อารียา พรอพเพอร์ตี้” เติบโตสวนกระแส โดยเฉพาะไตรมาสสองที่ผ่านมา มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 34% ทั้งที่ช่วงเวลาดังกล่าวตรงกับการล็อกดาวน์ประเทศ พร้อมกันนั้น “อารียา” ยังประสบความสำเร็จด้านการสร้างสรรค์สังคมสิ่งแวดล้อม หลังจากเดินหน้าลงมือมา 3 ปี ด้วยการสร้างโครงการให้เป็น “หมู่บ้านปลอดขยะ”
นายวิวัฒน์ เลาหพูนรังษี ประธานกรรมการอาวุโส บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า มีคำถามกลับเข้ามามากว่าทำไมผลประกอบการของอารียาในครึ่งปีแรกของปี 2563 สามารถเติบโตสวนกระแสการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีรายได้รวม 2,029 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2562 โดยเฉพาะในไตรมาสสองของปีนี้ซึ่งตรงกับช่วงล็อกดาวน์ประเทศทุกธุรกิจและกิจกรรมต่างๆหยุดชะงัก แต่อารียามีรายได้รวม 1,105 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
“คำตอบที่ชัดเจนของผมต้องบอกว่าจริงๆ โควิด-19 ช่วยด้วย เพราะทำให้คนที่อยู่คอนโดมิเนียมหันมาซื้อบ้านมากขึ้น เห็นได้จากใน 100% ของยอดขายมาจากคนที่อยู่คอนโดมิเนียมมาซื้อ 20% จึงเห็นได้ว่าโควิดทำให้เกิดการแยกกลุ่มลูกค้าได้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนอายุ 20 ปลายๆถึง 35 ปี วัยใกล้มีครอบครัว เมื่อก่อนจะเลือกอยู่คอนโดมิเนียมอย่างเดียว ยังไม่ซื้อบ้าน จะซื้อบ้านต่อเมื่อมีลูก แต่เมื่อมีโควิดเกิดขึ้นเขารู้สึกว่าไม่ปลอดภัยแล้ว ออกไปไหนไม่ได้ เลยหันมาให้ความสำคัญกับพื้นที่ในบ้านคนเหล่านี้ที่มีกำลังซื้อจึงหันมาซื้อบ้านเร็วขึ้น จึงมีความต้องการเพิ่มขึ้นจากคนกลุ่มนี้ และอารียาจับกลุ่มเป้าหมายนี้ได้ถูก จึงประสบความสำเร็จในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา”
อย่างไรก็ตาม คนกลุ่มนี้จะมีความชอบรูปแบบของบ้านแตกต่างกัน มีความชอบชัดเจน บางคนชอบสไตล์โมเดิร์น บางคนชอบสไตล์ทรอปิคอล มีไลฟ์สไตล์ของตัวเอง และบ้านรูปแบบนี้เจ้าอื่นทำขายในราคา 20-40 ล้านบาท แต่พออารียามาทำบ้านสไตล์นี้ราคา 5-6 ล้านบาท จึงประจวบเหมาะกับคนกลุ่มนี้ที่ก่อนหน้านี้ตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมกลางเมืองก็ราคา 5-6 ล้านบาท แต่พอมาเจอบ้านที่ถูกใจเขาก็ตัดสินใจซื้อทันที และโควิดทำให้ซื้อเร็วขึ้น”
นายวิวัฒน์กล่าวต่อไปว่า ในฐานะที่เป็นนักพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ สร้างชุมชนให้เกิดขึ้น จึงอยากปลุกสำนึกคนให้ร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม และอยากชวนผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทุกคนร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อมของประเทศ เพราะเราเป็นต้นตอการทำชุมชน จึงต้องเริ่มจากพวกเรา อย่างกรุงเทพมหานครที่มีขยะกว่า 10,000 ตันต่อวัน ก็ควรต้องลดลงจากพวกเรา และต้องนำขยะไปใช้ให้เกิดประโยชน์ให้ได้มากที่สุด
“ช่วงเวลา 3 ปีมาแล้วที่อารียาใส่ใจสิ่งแวดล้อม ทำโครงการ Sustainable Happiness : รักษ์โลก รักเรา ขึ้นมา นำแนวคิดพัฒนานวัตกรรม และสิ่งแวดล้อมมาสอดแทรกในงานด้านก่อสร้างในโครงการ โดยสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย นำน้ำกลับมาใช้สำหรับรดน้ำต้นไม้ส่วนกลาง ส่วนน้ำที่ปล่อยออกไปนอกโครงการก็สบายใจได้ว่าไม่ใช่น้ำเสีย ไม่ทำให้สิ่งแวดล้อมภายนอกเสีย และร่วมมือกับลูกบ้านในโครงการนำขยะมารีไซเคิล เพื่อสร้างทุกโครงการของอารียาให้เป็นหมู่บ้านปลอดขยะ โดยทำ 100% ในโครงการใหม่ พร้อมย้อนไปสร้างความร่วมมือกับโครงการเดิม”
นายวิวัฒน์กล่าวว่า โครงการหมู่บ้านปลอดขยะในโครงการใหม่จะจัดถังแยกประเภทของเหลือใช้ และแจกเครื่องทำขยะเปียกให้เป็นปุ๋ยกับบ้านทุกหลัง อาหารเปียกที่เหลือจึงไม่กลายเป็นขยะอีกต่อไป เมื่อนำไปใส่เครื่องทำเป็นปุ๋ยก็นำกลับไปใช้ปลูกต้นไม้ในบ้าน หรือนำไปใส่ในแปลงผักปลอดสารพิษส่วนกลางสำหรับลูกบ้านก็ได้
ส่วนของเหลือใช้ไม่ว่าจะเป็นขวดแก้ว ขวดพลาสติก กระดาษ ได้วางระบบการจัดเก็บอย่างดี ให้ลูกบ้านแยกประเภทแต่ละชนิด นำใส่ถุงวางไว้หน้าบ้าน และสื่อสารกับทีมผ่านทางแอปพลิเคชัน Recycle Time ซึ่งเป็นบริการที่อารียาตั้งทีมขึ้นมาบริการโดยเฉพาะ จากนั้นทางทีมจะเข้าไปจัดเก็บ ดำเนินการชั่งน้ำหนัก และแจ้งข้อมูลกลับให้ลูกบ้านทราบผ่านแอปพลิเคชันเลยว่า มีขวดแก้วกี่กิโลกรัม พลาสติกกี่กิโลกรัม กระดาษกี่กิโลกรัม พร้อมนำไปขายให้และโอนเงินที่ขายได้กลับคืนให้ลูกบ้าน
“ผลสำเร็จที่เกิดขึ้นมีโครงการของอารียาครอบคลุม 6 โซน ได้แก่ บางนา รังสิต หทัยราษฎร์ ลาดปลาเค้า ไทรน้อย บางบัวทอง เป็นโครงการแนวราบ 45 โครงการ แนวสูง 2 โครงการ มีจำนวนลูกบ้านเข้าร่วมกิจกรรม 2,077 หลัง ณ วันที่ 30 ส.ค.2563 ลูกบ้านอารียาสามารถรวบรวมของรีไซเคิลได้ 130,918 กิโลกรัม สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 182,647.98 kg/CO2 เทียบเท่าการปลูกต้นมะม่วง 20,294 ต้น หรือ 406 ไร่”
Reference: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ