อสังหา ครึ่งปีหลังกำไรโต
เปิดตัวโครงการใหม่นิวไฮกว่า 3 แสนล้าน
แรงหนุน “ยอดขายรอโอนดีมานด์ต่างชาติซื้อ” เน้นหุ้น”ปันผลสูง- มีสตอรี่-ฐานะการเงินแกร่ง” ด้าน “หยวนต้า” คาดครึ่งปีหลังกำไรโต 15-20% หวังดีมานด์ซื้อต่างชาติหนุน -ต้นทุนลด “ยูโอบีฯ” หั่นกำไร “พฤกษาแอลพีเอ็น”
กำไรกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยไตรมาส 2 ปี 2566 ที่ประกาศออกมา 31 บริษัท มีกำไรสุทธิ 9,833.36 ล้านบาท ลดลง 7.03% จาก ช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10,576.51 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มกำไรในครึ่งปีหลัง2566นักวิเคราะห์คาดว่าจะมีการฟื้นตัวต่อเนื่อง
นายสรพงษ์ จักรธีรังกูร ผู้อำนวยการ อาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมกำไรสุทธิไตรมาส 2 ของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (ทำบทวิเคราะห์12 บริษัท ) ออกมาดีกว่าคาด3% ซึ่งแนวโน้ม ผลดำเนินงานครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโต ต่อเนื่อง เนื่องจากผู้พัฒนาอสังหาจะมี ความมั่นใจมากขึ้นจากการเมืองชัดเจนกำลังที่จะมีรัฐบาลใหม่ นักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังเติบโต
ดังนั้นทำให้ผู้พัฒนาอสังหา มีแผน ที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 3.08แสนล้านบาท จากครึ่งปีแรกที่เปิดตัว ไปแล้ว 1.2 แสนล้านบาท เป็นผลจากที่ชะลอเปิดโครงการในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และราคาเฉลี่ยต่อยูนิตเพิ่มขึ้นจากเน้นกลุ่มลูกค้าระดับบน แต่ยูนิตไม่ได้ปรับตัว เพิ่มขึ้นมาก ทำให้ทั้งปีนี้เปิดตัวโครงการสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกันที่ 4.3 แสนล้านบาท ทำให้ยอดขายของกลุ่มนี้ ปรับตัวขึ้นดีขึ้นและครึ่งปีหลังมียอดขายรอรับรู้ในครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตามผลดำเนินงานก็จะเติบโต ไม่มาก เพราะ กำลังซื้อในกลุ่มระดับกลางถึงล่างยังฟื้นตัวไม่มากนัก และธนาคารพาณิชย์ ก็เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อทำให้กลุ่มนี้ มียอดปฏิเสธยังสูง ขณะที่คนจีนยัง ไม่ได้กลับมาซื้ออสังหาฯในไทยมากนัก จากที่เศรษฐกิจจีนที่ไม่ค่อยดี แต่ก็มีโอกาสเข้ามาซื้อได้จากภาคอสังหาจีนที่มีปัญหา
“หากมีการจัดตั้งรัฐบาลได้เร็ว มีนโยบายกระตุ้นกำลังซื้อของ กลุ่มคนระดับกลางและล่าง ก็จะทำให้ยอดขายกลุ่มอสังหาปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี “
นายสรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับกลุ่มพัฒนาอสังหาฯให้น้ำหนักลงทุนเท่ากับตลาด (Neutral) เนื่องจากภาพรวม กำไรเติบโตไม่มากเพียง 3-4% เมื่อเทียบกับ ปีก่อน แต่ข้อดีของกลุ่มนี้คือ ความเสี่ยงทางการเงินต่ำ มีหนี้สินต่อทุน(D/E) เพียง 0.8 เท่า ราคาหุ้นซื้อขายที่ P/E เพียง 5-6 เท่า ขณะที่มีผลตอบแทนเงินปันผล (ดิวิเดนยิลด์) ที่สูงปีละ 6-7% (ครึ่งปีแรก ประกาศจ่ายดิวิเดนยิลด์2-3%) และ ราคาที่ดินยังอยู่ในระดับสูง ยังไม่ได้ปรับตัวลง โดยหุ้นที่บล.กสิกรไทยแนะนำลงทุน คือ AP เพราะฐานะการเงินแข็งแกร่ง ราคาไม่สูง กำไรเติบโต5% จากปีก่อน,ORI จากมีสตอรี่ที่บริษัทย่อยเตรียมขาย หุ้นไอพีโอ มีการขายเหรียญโทเคน และ LH เป็นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูง และจะมีการรับรู้กำไรจากการขายโรงแรมที่พัทยาในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งคาดว่าปีนี้กำไรจะเติบโต 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มอสังหานั้นมีความเสี่ยง คือเมื่อตลาดหุ้นได้รับผลกระทบ เชิงลบทำให้ดัชนีปรับตัวลดลงมา กลุ่มอสังหา มักจะปรับตัวลงแรงกว่าดัชนีหุ้นไทย แต่หากดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นก็จะขึ้นได้ดีกว่าดัชนีหุ้นไทย สำหรับหุ้นกลุ่มอสังหาที่บล.กสิกรไทย ทำบทวิเคราะห์คือ ANAN, AP, BRI, ORI, LH, LPN, PSH, QH, SC, SIRI, SENA, SPALI
ด้านฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นกลุ่มอสังหาที่บล.หยวนต้า ทำบทวิเคราะห์นั้น(6 บริษัท ) กำไรไตรมาส2/66ออกมา ตามคาด (ไม่รวมกำไรพิเศษ) ทำให้ครึ่งปีแรก มีกำไรสุทธิ 15,111.2 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า แนวโน้มกำไรในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโต15-20% จากครึ่งปีแรก 2566 เนื่องจากมียอดขายที่เตรียมรับรู้รายได้ พอสมควร ,ดัชนีราคาวัสดุที่ปรับตัว ลดลงส่งผลให้ต้นทุนลดลง
รวมถึงดอกเบี้ยก็ใกล้ถึงจุดสูงสุด (พีค)แล้ว และคาดว่าจะมีความต้องการ(ดีมานด์) ซื้อของกลุ่มต่างชาติเข้ามาเพิ่ม แต่ผลดำเนินงาน ครึ่งปีหลังปีนี้จะยังต่ำกว่าครึ่งปีหลัง 2565 เพราะในช่วงปีก่อนนั้นมียอดการโอนที่ สูงมากกว่าปกติจากการผ่อนปรนมาตรการLTV
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักลงทุน หุ้นกลุ่มอสังหาเท่าตลาด เพราะโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว (สต็อก) ลดลง ขณะที่ดอกเบี้ยที่อยู่ระดับสูง ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของกลุ่มระดับกลางถึงล่าง ทำให้ธนาคารพาณิชย์มีการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ที่นานขึ้น
สำหรับหุ้นเด่นที่ฝ่ายวิจัยแนะนำคือ SPALI เพราะดาวน์ไซด์จำกัด จ่ายเงินปันผลสูง และ ASW เพราะ ในช่วง ครึ่งปีหลังมีโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอน 7 โครงการ เพิ่มขึ้น จากครึ่งปีแรกที่มี 3 โครงการ และ โครงการของASW มียอดขายสูง 50% ซึ่งทำให้มีความน่าสนใจลงทุน โดยหุ้น 6 บริษัท ที่ฝ่ายวิจัยทำบทวิเคราะห์ คือ SPALI, AP,ASW,LPN,PSH และ QH
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นที่ฝ่ายวิจัยทำบทวิเคราะห์ มี 8 บริษัท ซึ่งกำไรไตรมาส 2 ออกมาดีกว่าคาด บริษัท คือ PSH,QH,SPALI ส่วนหุ้นที่กำไรออกมาตามคาดคือ AP,ORI,LH ขณะที่กำไรต่ำคาดคือ LPN ทำให้ครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยปรับลดคาดการณ์กำไร ของ LPN และPSH ลง6-7% จาก คาดการณ์เดิม เพราะ 2 บริษัทดังกล่าวเป็นโครงการที่เน้นกลุ่มระดับกลางและล่าง สำหรับหุ้นเด่นแนะนำ คือ AP ฐานะการเงินแข็งแกร่ง จ่ายปันผล ที่ดี
Reference: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ