อสังหาแห่ผุดวิลล่าหรูภูเก็ต ป้อนวีไอพีหนีสงครามรัสเซีย
RML ขายวิลล่า 500 ล้าน
นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท ไรมอนแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในช่วงไตรมาส 3/66 บริษัทวางแผนเปิดตัวโครงการวิลล่าระดับอัลตราลักเซอรี่ ในจังหวัดภูเก็ต มีราคาเริ่มต้นหลังละ 500 ล้านบาท โดยหลังแพงสุดอยู่ที่ 800 ล้านบาท บนที่ดินรวม 23 ไร่ ทำเลหาดกมลา มูลค่าโครงการ 7,000 ล้านบาท
บิสซิเนสโมเดลพัฒนาเป็นโครงการ Branded Residences นำเสนอขายวิลล่าพ่วงบริการเอ็กซ์คลูซีฟ โดยวิลล่าที่กำลังจะเปิดตัวใหม่นี้ เป็นการร่วมทุนกับกลุ่มทุนท้องถิ่นของภูเก็ต (ขอสงวนนาม) และมีกลุ่มโรสวูด โฮเทล แอนด์ รีสอร์ต จากสหรัฐอเมริกา โฟกัสลูกค้าอัลตรา ลักเซอรี่ ปัจจุบันมี 28 โครงการทั่วโลก แต่อยู่ในอเมริกามากที่สุด รับเป็นผู้บริหารจัดการโครงการนี้
“วิลล่าที่ภูเก็ตของเรา จะเป็นโครงการ เรสซิเดนซ์แห่งแรกในเอเชียของโรสวูด ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ทั้งอาร์คิเทคและอินทีเรียร์ กำลังรอแบรนด์ (โรสวูด) แอพพรูฟ เพราะว่าเป็นแบรนเดดเรสซิเดนซ์ จะช้านิดนึง ทุกอย่างต้องต้องผ่านโรสวูดแอพพรูฟเพราะเป็นของเมืองนอกหมด”
รับลูกค้าต่างชาติคัมแบ็ก
สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เนื่องจากจังหวัดภูเก็ตในปัจจุบัน การรับรู้ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกเป็นอินเตอร์เนชั่นแนล เดสติเนชั่น ดังนั้น ลูกค้าวิลล่าของไรมอนแลนด์จึงไม่ใช่ลูกค้าคนไทยอย่างเดียว มีกลุ่มผู้ซื้อหลักจากต่างชาติ จำนวนมาก
“ต้องบอกก่อนว่าปัจจุบันสำหรับเรา ภูเก็ตไม่ใช่ประเทศไทยแล้ว แต่เป็น เดสติเนชั่นการท่องเที่ยวระดับโลก เรามองเลยว่าไม่ใช่แค่ลูกค้าไทยอย่างเดียว จีนกับรัสเซียแน่นอนรักภูเก็ตมากอยู่แล้ว ลูกค้ายุโรปก็เป็นอีกตลาดใหญ่ รวมทั้งฮ่องกง สิงคโปร์ ก็เป็นฐานลูกค้าหลักอีกกลุ่มหนึ่ง”
ทั้งนี้ นโยบายบริษัทนับจากนี้ไป วางสัดส่วนการลงทุนที่อยู่อาศัยในรูปแบบแบรนเดดเรสซิเดนซ์ 80% โดยแบรนด์แต่ละโครงการจะวางโพซิชั่นไปตามพันธมิตรผู้รับบริหารโครงการให้ อีก 20% พัฒนาโครงการโดยไรมอนแลนด์
“ผมเข้ามาบริหารไรมอนแลนด์ 2 ปี มีการปรับจูนโครงสร้างบริหารภายในให้เข้าที่เข้าทาง และทำให้ DNA ของบริษัทชัดเจนขึ้น จุดเด่นบริษัทมีแบรนด์ที่ลูกค้า VVIP รับรู้ในวงกว้าง โควตาขายต่างชาติ 49% ก็เต็มตลอด”
นายกรณ์กล่าวต่อว่า หลังยุคโควิดการแข่งขันตลาดลักเซอรี่และอัลตราลักเซอรี่สูงขึ้นมาก ตัวโปรดักต์แทบไม่มีความแตกต่าง สิ่งที่บริษัทจะเติมเต็ม คือ บริการระดับเอ็กซ์คลูซีฟ ตั้งแต่วันแรกที่ลูกค้าติดต่อเข้ามา จนถึงวันรับมอบห้องและบริการหลังการขาย
ล่าสุด เตรียมเปิดโครงการ Branded Residence ในกรุงเทพฯ อีก 1 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม ราคาเฉลี่ยตารางเมตรละ 4 แสนบาท บวกลบ
“ถามว่าทำไมเราชอบมากกับ Branded Residence เราไม่ได้มโนเอง เราทำ การบ้านมาหมดแล้ว ตั้งแต่ตอนโควิดเซ็กเมนต์นี้จากทั่วโลกเป็นอะไรที่มีผลตอบรับดีมาก ปัจจัยต่อมาคือประเทศไทยปัจจุบันเศรษฐีมีเยอะมาก ตลาดรองรับได้แล้ว ซึ่งไรมอนแลนด์ต้องการเจาะลูกค้าทั้งกลุ่มเศรษฐีเก่าที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป และเศรษฐีใหม่ที่มีอายุน้อยลงอยู่ที่ 20-40 ปี”
ลักเซอรี่วิลล่าภูเก็ตฟื้นแล้ว
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW เปิดเผยว่า เมืองไทย มีแหล่งท่องเที่ยวระดับเวิลด์คลาส 3 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต ในขณะที่ แม็กเนตด้านการท่องเที่ยวทางธรรมชาติของภูเก็ตเป็นทุนประเดิมที่ทำให้มีความพิเศษกว่าพัทยา 10 เท่า
โดย ASW เห็นสัญญาณการกลับมาหาซื้อบ้านและห้องชุดตากอากาศของลูกค้าสำคัญ คือ ชาวรัสเซีย จากเดิมก่อนหน้านี้ รัสเซียเคยเป็นลูกค้าหลักของ ภูเก็ต ต่อมาเริ่มลดบทบาท และกลับมาบูม อีกครั้งหลังจากมีสงครามที่รบนานข้ามปี ทำให้เผชิญปัจจัยลบรอบด้าน ทั้งสงครามและเศรษฐกิจในประเทศถดถอยรุนแรง
คนรัสเซียจำนวนหนึ่งจึงเริ่มออกมาลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์นอกประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยงและเป็นการวางแผนอนาคต
“ตลาดโรงแรมในภูเก็ตฟ้นตัวเทียบเท่าก่อนยุคโควิดแล้ว มีฟาซิลิตี้ทั้งท่าเรือ มารีน่าซึ่งเป็นท่าจอดเรือยอชต์เต็มเกาะ มีสวนสนุกธีมพาร์ค 5 แห่ง มีโรงเรียน นานาชาติ 10 แห่ง และมีสนามกอล์ฟ 9 แห่ง ทั้งหมดนี้ทำให้กำลังซื้อต่างชาติระดับลักเซอรี่นิยมเข้ามาพักอาศัย เพราะมีความสะดวกสบายในทุกด้าน โดยเฉพาะตลาดวิลล่าที่ซื้อเป็นบ้านตากอากาศ มาพักปีละ 4 เดือน โดยไม่ได้ปล่อยเช่าเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว”
บ้านตากอากาศที่ต้องการขายลูกค้าต่างชาติจึงมี 2 รูปแบบ คือ ลักเซอรี่วิลล่า เซ็กเมนต์หลักอยู่ที่ราคาหลังละ 40-80 ล้านบาท กับคอนโดมิเนียมเพื่อการพักผ่อน หรือ leisure condominium เซ็กเมนต์ราคา 4 ล้านบาทบวกลบ
ผุดโปรเจ็กต์หมื่นล้าน
สำหรับการลงทุนูพัฒนาวิลล่าในภูเก็ต ASW ได้มีการร่วมทุนกับนายอรรถสิทธิ์ อินทรชูติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต จำกัด เจ้าตลาดวิลล่าของภูเก็ต มีประสบการณ์ไม่ต่ำกว่า 20 ปี พัฒนาแล้ว 20 โครงการ เมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา
โดยจะร่วมกันพัฒนาวิลล่าบนแลนด์แบงก์ผืนใหญ่ 178 ไร่ ทาง ASW ถือหุ้น 30% ในโครงการพัฒนาใหม่ BGA-Botanica Grand Avenue รูปแบบ จะพัฒนาเป็นพูลวิลล่า ราคาขายหลังละ 40-80 ล้านบาท เบื้องต้นแบ่งพัฒนา 5 เฟส รวมจำนวน 200 กว่ายูนิต มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท
ไฮไลต์อยู่ที่ทำเลอยู่ติดกับลากูน่า กอล์ฟ ภูเก็ต ซึ่งแวดล้อมด้วยโครงการลากูน่า วิลล่า ทำให้แปลงที่ดิน 178 ไร่เทียบเท่าย่านสุขุมวิทของหาดบางเทา ทั้งยังใกล้แหล่งช็อปปิ้ง Boat Avenue กับ Proto de Phuket ในเครือเซ็นทรัล
โครงการ BGA รองรับกลุ่มลูกค้า เป้าหมายลูกค้าต่างชาติเป็นหลัก กับลูกค้า คนไทย มีโมเดลการขายแบบลีสโฮลด์ 30+30 ปี ทำให้ไร้ข้อจำกัดเพราะสามารถขายได้ทั้ง 100% ให้ลูกค้าต่างชาติ โดยถูกต้องตามกฎหมายไทยทุกอย่าง
โดยเทอมการจ่ายเงินของลูกค้า ต่างชาติ จะต้องจ่ายครบ 100% ของราคา ซื้อขายก่อนสินค้าสร้างเสร็จ แบ่งจ่ายเป็น 7 งวดตามความคืบหน้าการก่อสร้าง และงวดสุดท้ายจะต้องจ่ายก่อนสินค้าสร้างเสร็จ 6 เดือนบวกลบ
เตรียมรับไฮซีซั่นปลายปี
สถานะปัจจุบัน โครงการ BGA กำลังเร่งก่อสร้าง mock up pool villa เพื่อจัดอีเวนต์เปิดพรีเซลภายในเดือนกันยายน 2566 นี้ เพราะมั่นใจว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติจะทะลักเข้าภูเก็ตอีกรอบในช่วงไฮซีซั่นช่วงปลายปี
“ตลาดวิลล่าระดับลักเซอรี่และอัลตราลักเซอรี่ ลูกค้ารัสเซียและลูกค้าต่างชาติ มีพฤติกรรมการซื้อโดยยอมรับการซื้อแบบสิทธิการเช่า หรือลีสโฮลด์ (leasehold) ระยะเวลา 30+30 ปี เท่ากับ 60 ปี ซึ่งถือว่านานเทียบเท่าแบบโอนกรรมสิทธิ์ หรือฟรีโฮลด์ (freehold)”
ดังนั้น การขายลูกค้าต่างชาติใน รูปแบบสิทธิการเช่า ทำให้ไม่มีข้อจำกัดเรื่องโควตา 49% เพราะสามารถขายต่างชาติได้ทั้ง 100% อย่างถูกต้องตามกฎหมายไทย จึงเป็นโอกาสในการลงทุนที่น่าสนใจ
Reference: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ