อสังหาฯ เจอแรงเหวี่ยงโควิด-ปิดแคมป์ฯ ฉุดรายได้การขาย-กำไรQ3ร่วง-ลุ้นท้ายปีฟื้นตัว
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2564 (กรกฎาคม-กันยายน) ต้องถือว่า เจอวิกฤตอย่างหนัก เนื่องจากประเทศ ไทยได้เกิดการระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 อีกระลอก ซึ่งรัฐบาลได้พยายามควบคุมการเกิดคลัสเตอร์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่สีแดงเข้ม ซึ่งหนึ่งในมาตรการที่ “ช็อก” กับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และภาคก่อสร้างต่างๆ คือ การสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้างเป็นการชั่วคราวตลอดเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยและทำให้การส่งมอบที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้า จำเป็นต้องเลื่อนออกไป
อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน (ไตรมาส 4 ปี 64) รัฐบาลได้เดินหน้าเปิดประเทศ เพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวและบริการ เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ (แบบไม่ต้องกักตัว) หลังจากนำร่องโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” มาแล้ว
ไตรมาส 3 อสังหาฯบอบช้ำ รายได้กำไร ร่วง
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงผลประกอบการของบริษัทอสังหาฯ ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯว่า งบการเงินในส่วนของรายได้จากการขายและกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 64 พบว่า ภาพใหญ่ ยังคงมีตัวเลขรายได้จากการขาย และกำไรอยู่ ซึ่งบางส่วนเป็นผล ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ตัวเลขในไตรมาสนี้ เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ อันเป็นผลสืบเนื่องจาก โควิดและการปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง ส่งผลให้ตัวเลขรายได้จากการขายและกำไรเปลี่ยแปลงติดลบ (พิจารณาตารางประกอบ)
นายวิทย์ ตันติวรวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ในไตรมาส 3 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 1,307.61 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 63 ที่มีกำไรสุทธิ 2,049.09 ล้านบาท ลดลงจำนวน 741.48 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 36.19% ซึ่งสาเหตุเกิดขึ้นจาก ในไตรมาสนี้ บริษัทฯมีรายได้จากการขายเท่ากับ 6,520.32 ล้านบาท เทียบกับ 7,616.76 ล้านบาท ลดลงจำนวน 1,096.44 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 14.40% เนื่องจากรัฐบาลต้องการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงมีคำสั่งให้หน่วยงานก่อสร้างทุกแห่งปิดแคมป์คนงานเป็นเวลา 1 เดือน
โดยรายได้หลัก ยังมาจากกลุ่มสินค้าประเภทโครงการแนวราบในกลุ่มบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ในสัดส่วนมากกว่า 90% ที่เหลือต่ำกว่า 10% จะมาจากโครงการคอนโดฯ ซึ่งสัดส่วนรายได้แนวสูงปรับลดลงมา ต่อเนื่อง
นางสาวจรรย์จิรา พนิตพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท ไรมอนแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML แจ้งว่า ในไตรมาส 3 บริษัทฯมียอดขายรวม 176 ล้านบาท ลดลงจาก 576.1 ล้านบาท เนื่องจากจำนวนห้องชุดในโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอน ได้มีการขายและโอนเกือบหมดแล้ว อีกทั้งการล็อกดาวน์ในช่วงไตรมาส 3 ทำให้กิจการขายชะลอตัว เช่นเดียวกับงวด 9 เดือน บริษัทมียอดขายรวม 1,645.2 ล้านบาท ลดลงจาก 2,457.3 ล้านบาท เนื่องจากเหตุผล ข้างต้น
โดยไตรมาส 3 บริษัทมีขาดทุนลดลงมาอยู่ที่ 99.8 ล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 4.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 656.2 ล้านบาท จากผลขาดทุนสุทธิ 652 ล้านบาท
นายสุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการ บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD กล่าวว่า ในไตรมาสนี้ บริษัทมีรายได้รวม 980.92 ล้านบาท และขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 81.34 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจาก รายได้จากการขายลดลง 28.26% การโอนกรรมสิทธิ์ลดลง เนื่องจากไม่มีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จที่จะโอนในไตรมาสนี้
ศุภาลัย มาแรงเติบโตต่อเนื่อง
”ในไตรมาส 2-3 ที่ผ่านมา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์โควิด-19 และการชะลอตัวของเศรษฐกิจนั้น ส่งผลให้การเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมของผู้ประกอบการลดลง รวมทั้งกำลังซื้อของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยลดลงตามไปด้วย” นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าว
โดยบริษัทฯ ได้วางแผนรับมือและปรับตัวให้ทัน ทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง รายได้รวม 9 เดือน อยู่ที่ 18,522 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 44% กำไรสุทธิ 4,191 ล้านบาท เติบโตขึ้น 76% สาเหตุหลัก มีการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯ สร้างเสร็จใหม่ จำนวน 2 โครงการต่อเนื่องมาในไตรมาส 3 และครบกำหนดโอนฯอีก 1 โครงการ นอกจากนี้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วมเพิ่มขึ้นถึง 92%
โดยในไตรมาสที่ 3 บริษัทฯทำรายได้รวม 7,522 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปี 2563 ณ 30 ก.ย. 64 และมี Backlog ประมาณ 32,843 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถทยอยโอนให้ลูกค้าและรับรู้เป็นรายได้ในปี 2564 จำนวน 9,786 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ 23,057 ล้านบาทในอีก 3 ปี ถัดไป ขณะที่ยอดขาย 9 เดือน สามารถทำได้รวม 17,553 ล้านบาท
เพอร์เฟค-ออริจิ้นฯ ประคองกำไร
นายศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF กล่าวว่า บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 212.4 ล้านบาท (ส่วนของผู้เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ มีผลกำไรจำนวน 412.5 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 63 กำไรเพิ่มขึ้น 655.2 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 3 บริษัทมีรายได้จากการขายอสังหาฯจำนวน 1,958.9 ล้านบาท ลดลง 27.8% เนื่องจากภาวะการณ์การระบาดของโควิด-19 ส่งผลลบต่อธุรกิจอสังหาฯ
โดยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงจำนวน 143 ล้านบาท คิดเป็น 17.2% เนื่องจากรายได้จากการขายลดลงและการควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านบริษัท ออรจิ้น พร็อพ เพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทฯ กล่าวว่า กิจกรรมการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดคอนโดฯ และบ้านจัดสรรในไตรมาส 3 ปี 64 ทำได้ 3,984.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.3% ยอดขายจากโครงการเปิดใหม่จำนวน 7,110.3 ล้านบาท และยังคงรักษาระดับการเติบโตในช่วง 9 เดือนของปีนี้ได้ โดยเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 22%
”บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่า ในไตรมาส 4 ของปีนี้ น่าจะเป็นช่วงที่ภาพรวมธุรกิจอสังหาฯฟืนตัว เนื่องจากได้รับผลบวกจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการ LTV และยอดผู้ติดเชื้อใหม่ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และยอดการฉีดวัคซีนที่ทยอยเพิ่มขึ้น”
Reference: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา