อสังหาฯไตรมาสแรกโตสวนกระแสโควิด "ORI-SC-ASW-RML"นำทีมรายได้-กำไรกระฉูด 

14 May 2021 380 0

         Q1/64 อสังหาฯรายได้แกร่ง ออริจิ้นฯ นำทีมกวาดรายได้ 3,869 ล้านบาท กำไรสุทธิพุ่ง 825 ล้านบาท Q2 เดินหน้าเปิดตัว 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 2,400 ล้านบาท “SC” เผยไตรมาส 1 แนวราบขายดีทุกระดับราคาดันยอดขายรวมแตะ 5,700 ล้านบาท โต 188% ด้าน “แอสเซทไวส์” กำไรพุ่ง 361.8% หลังกวาดรายได้ 1,173  ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 582 ล้านบาท โดยสามารถทำกำไรสุทธิ 320 ล้านบาท เติบโต 361.8% “RML” กำไรสุทธิพุ่ง 138 ล้านบาท พลิกขาดทุนเป็นกำไรครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาสติด

          นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI กล่าวว่า ผลดำเนินงานไตรมาสแรกปี 64 มีรายได้ 3,869 ล้านบาท เติบโต 61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะเดียวกันก็มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 825 ล้านบาท เติบโต 39% จากช่วงเดียวกันของปีที่ 63 ว่าไตรมาส 1/64 ภาพรวมเศรษฐกิจจะได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่บริษัทยังคงปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเปิดให้ทำธุรกรรมที่หลากหลายช่องทาง การออกแคมเปญทางการตลาดใหม่ๆ ทำให้สามารถระบายสินค้ารอการขาย หรือ Inventory สร้างยอดโอนกรรมสิทธิ์ใหม่ๆ และรายได้เข้ามาอย่าง ต่อเนื่อง

          ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/64 บริษัทมีแผนเปิดตัว 3 โครงการใหม่มูลค่ารวมกว่า 4,200 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการ แฮมป์ตัน ศรีราชา มูลค่า 1,400 ล้านบาท, โครงการ แกรนด์ บริทาเนีย ราชพฤกษ์ พระราม 5 มูลค่า 2,100 ล้านบาท และโครงการแกรนด์ บริทาเนีย บางนา กม.12 มูลค่า 700 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ก็จะเดินหน้าโอนกรรมสิทธิ์โครงการสร้างเสร็จใหม่เพิ่มเติมตามแผนงานอีก 4 โครงการ ได้แก่ โครงการ ไนท์บริดจ์ สุขุมวิท เทพารักษ์, โครงการ ดิ อออริจิ้น รัชดา ลาดพร้าว, โครงการ แกรนด์ บริทาเนีย ราชพฤกษ์ พระราม 5 และ โครงการแกรนด์ บริทาเนีย บางนา กม.12 คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมกว่า 4,850 ล้านบาท

          นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติแต่งตั้ง ดร.ชาติชาย พยุหนาวีชัย เข้าดำรงตำแหน่งเป็นประธานกรรมการบริหาร ซึ่งประสบการณ์ที่แข็งแกร่งของ ดร.ชาติชาย จะช่วยส่งเสริมให้ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ สามารถเดินหน้าแผนงาน ORIGIN NEXT LEVEL โดยเฉพาะในด้าน Business Expansion ได้อย่างแข็งแกร่ง เติบโตอย่างยั่งยืน โดยตำแหน่งดังกล่าว มีผลตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค. 64 นี้เป็นต้นไป

          นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC กล่าวว่า ไตรมาสแรกยอดขายบ้านเดี่ยวเติบโตทุกระดับราคา ทำให้บริษัทเติบโตทั้งยอดขาย รายได้ และกำไรสุทธิ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของการประกาศแผนธุรกิจและการรุกสู่แบรนด์บ้านเดี่ยวอันดับ 1  โดยบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดบ้านเดี่ยว 15% สูงเป็นอันดับ 1 ของตลาด โดยมียอดขายรวม 5,700 ล้านบาท เติบโต 188% จากช่วงเดียวกันชองปี 63 โดยแบ่งเป็นยอดขายแนวราบ 4,606 ล้านบาท เติบโต 123% และยอดขายคอนโดฯ 1,094 ล้านบาท เติบโต 1381% และมีรายได้รวม 3,965 ล้านบาทเติบโต 20% โดยมาจากรายได้จากการดำเนินงานแบ่งเป็นรายได้จากการขาย 95% และ รายได้จากการเช่าและบริการ 5% ส่งผลให้ในไตรมาสนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ 417 ล้านบาท เติบโต 39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

          สำหรับปีนี้ บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการแนวราบ  8 โครงการ มูลค่า 9,000 ล้านบาท โดยในไตรมาส 2 จะเปิดจอง 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1,145 ล้านบาท ได้แก่ โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด ซิกเนเจอร์ เพชรเกษม-ปิ่นเกล้า บ้านหรูบนที่ดินขนาดใหญ่ 100 ตร.ว.ขึ้นไป เริ่ม 20-30 ล้านบาท  และโครงการเวิร์คเพลส สายไหม-พหลโยธิน พรีเมี่ยมโฮมออฟฟิศ เริ่ม 7-20 ล้านบาท

          นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์  จำกัด (มหาชน) (ASW) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/64 มีรายได้  1,173 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 582 ล้านบาทเติบโต 98.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 591 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 320 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 250 ล้านบาท หรือ 361.8% ขณะที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 48.5% และอัตรากำไรสุทธิ 25.7% นับเป็นการเติบโตแบบสวนกระแสในยุคโควิด

          แม้จะเกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผลประกอบการของเราชะลอตัวลง ยอดโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดยังตรงตามเป้า ยอดขายในแต่ละโครงการยังคงเพิ่มขึ้น ขณะที่ไตรมาสแรกได้มีการเปิดขายแบรนด์เคฟ “เคฟ ศาลายา มูลค่า 1,150 ล้านบาท โดยสามารถสร้างยอดขายไปแล้วกว่า 60% ของห้องที่เปิดขาย สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทเตรียมเปิดโครงการใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูง มูลค่า 9,700 ล้านบาท โดยจะทยอยเปิด ในไตรมาส 2/64 เช่น โครงการคอนโดมิเนียมแอทโมซ บางนา (ATMOZ BANGNA) และเคฟ เอวา (KAVE AVA) เป็นต้น

          “มั่นใจว่ารายได้ในปี 2564 จะเติบโตกว่า 20% จากปีก่อนตามแผนงานที่วางไว้ โดยเน้นผลักดันให้ผลการดำเนินงานโตต่อเนื่องจากยอดขายรอโอน จำนวน 7,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้ถึงปี 66 และโครงการสร้างเสร็จรอขายจำนวน 1,105 ยูนิต มูลค่า 3,133 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า”

          ด้านนายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไตรมาส 1/64 มีรายได้จาก อสังหาฯ เพิ่มขึ้น 322% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 138 ล้านบาท สวนกระแส โควิด-19 ซึ่งเป็นผลจากการรีแบรนด์ และขยายฐานกลุ่มลูกค้า Young generation ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ส่งผลให้ในไตรมาส 1 ปี 64 บริษัทสามารถพลิกขาดทุนเป็นกำไรเป็นครั้งแรกจากขาดทุน 5 ไตรมาสติด.

 

Reference:

Click icon to remove from or add to favorite list
Click to choose and click "Compare" button