อสังหาฯแห่เกาะเงินไฮเทค แลกเหรียญคริปโทซื้อบ้าน
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แอสเซทไวส์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับ บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (บิทคับ) เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคแลกสกุลเงินดิจิทัล หรือ คริปโทเคอเรนซี่ เป็นเงินบาท เพื่อใช้ในการซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมในเครือโดยสามารถแลกเหรียญ คริปโทฯได้ผ่านวอลเล็ตของบิทคับซึ่งเพื่อนำเทคโนโลยีเข้ามาต่อ ยอดธุรกิจและปรับตัวสู่นวัตกรรมทางการเงินสมัยใหม่ได้อย่างรวดเร็ว “ความร่วมมือในครั้งนี้เนื่องจากเห็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีการแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลผ่านบิทคับสูงสุดวันละ 1,200 ล้านบาทซึ่งมีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องควบคู่กับบริษัทที่พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ที่เริ่มคุ้นเคยกับการใช้สกุลเงินดังกล่าว”
ขณะเดียวกันยังได้จัดตั้ง บริษัท ดิจิโทไนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เพื่อรองรับการศึกษาและลงทุนเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล และเทคโนโลยี ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนไปของเทคโนโลยี โดยมุ่งความสนใจไปที่เทคโนโลยีบล็อกเชน และพร้อมที่จะแต่งตั้ง บริษัท ฟิวเจอร์คอมแพทเทเร่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาผู้ชำนาญการในการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล นานพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ กล่าว่า ได้ร่วมมือกับ บิทคับในการซื้อขายบ้านและคอนโดมิเนียมผ่านสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้ชาวต่างชาติสามารถซื้อขายคอนโดมิเนียมในเครือออริจิ้นได้ง่ายขึ้น เนื่องจากการโอนเงินด้วยคริปโทฯ มีขั้นตอนที่สะดวกกว่าและใช้เวลารวดเร็วกว่าการโอนเงินในสกุลปกติ ช่วยส่งเสริมให้เกิดการทำธุรกรรมแบบไร้พรมแดน เบื้องต้นรองรับการซื้อขายผ่านเหรียญ 3 สกุล ได้แก่ อีเธอเรียม เทเทอร์ และบิตคอยน์ โดยสามารถชำระผ่านวอลเล็ตจากบัญชีบิทคับในการซื้อบ้านจัดสรร ทาวน์โฮม บ้านแฝด บ้านเดี่ยวในเครือออริจิ้น
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิต เข้าสู่สังคมแห่งเทคโนโลยี จึงร่วมมือกับบิทคับพัฒนาช่องทางการชำระเงินด้วยการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ชำระเงินซื้อขายบ้านและคอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้าของ อนันดาฯ แทนเงินสด เพื่อเพิ่มความสะดวก และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจในการแลกเปลี่ยนผ่านสกุลเงินคริปโทฯ
Reference: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์