สัญญาณเตือน โอมิครอน หวั่นฉุดกำลังซื้ออสังหาฯ
นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานกลุ่มกานดา พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า แนวโน้มการทำธุรกิจอสังหาฯ ในปี2565 ยังคงต้องระมัดระวังอย่างมาก หลังจากไทยเผชิญการแพร่ระบาดของ โควิด-19 สายพันธุ์ “โอมิครอน” ซึ่งขณะนี้ ยังไม่มีความชัดเจนในแง่ความรุนแรงและร้ายแรงของการแพร่ระบาด
อย่างไรก็ดี การแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนส่งผลให้ภาครัฐและสถาบันการเงินเพิ่มความระมัดระวัง ในการให้สินเชื่อเช่นกัน กระทบกลุ่มลูกค้าที่ต้องการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย ขณะที่กลุ่มลูกค้าต่างชาติยังไม่กลับเข้ามา ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี 2565จะมีนักท่องเที่ยว มาเยือนราว 10 ล้านคนจะเป็นไป ตามเป้าหมายหรือไม่ต้องติดตาม ดังนั้นการที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ จะตั้งเป้าหมายเติบโตไม่ใช่เรื่องง่าย
”จากสถิติ 2 ปีที่ผ่านมาตรงไหนเปิดแล้วขายได้ยังคงทำต่อไป แต่ถ้าเป็น ทำเลใหม่ควรชะลอไว้ก่อน เพราะพฤติกรรม ความต้องการของลูกค้าเปลี่ยนไป ยิ่งเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่จะฉุด กำลังซื้อต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด”
ทั้งนี้ ธุรกิจอสังหาฯ ได้รับแรงกดดัน จากหลายปัจจัยต่อเนื่องในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม หรืออาคารชุด การเปิดตัวใหม่ลดลง 40-50% พฤติกรรมคนทำงานที่บ้านเลือกซื้อ ที่อยู่อาศัยชานเมืองแทนในเมืองมากขึ้น แม้จะกลับมาทำงานหรือประชุมในเมืองแต่ทุกคนคุ้นชินกับการสื่อสารผ่านทางออนไลน์ ทำให้ไม่มีความจำเป็นในการมีบ้านหลังที่สองหลังที่สามอยู่ในเมือง
ขณะที่เทรนด์เกี่ยวข้องกับสุขภาพและผู้สูงอายุ ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น หลังจากที่ผ่านชะลอไปช่วงหนึ่ง เนื่องจากเป็นเทรนด์ที่มีความจำเป็นในระยะยาว เพราะสัดส่วนของผู้สูงอายุ ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นรวมถึง ในระดับโลกด้วย
”ต้องยอมรับว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ เพราะประเทศไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวมาตลอด 20 ปี ตั้งแต่วิกฤติปี 2540 ที่ค่าเงินบาทอ่อน และก่อนเกิดโควิด-19 จีดีพีโตจากการท่องเที่ยวถึง 29% ส่งผล ให้เกิดห้างสรรพสินค้า โรงแรม บ้านพักตากอากาศ คอนโด แม้กระทั่ง สเปเชียลมอลล์อย่างโฮมโปร โฮมเวิร์ค ในภูมิภาคขยายตัวเพื่อรองรับ การเติบโตของนักท่องเที่ยวท่องเที่ยว รวมถึงร้านสะดวกซื้อ ในพื้นที่ท่องเที่ยว อาทิ หัวหิน สงขลา หาดใหญ่ พัทยา เชียงใหม่ เชียงราย”
อย่างไรก็ตาม การที่รัฐต่ออายุมาตรการ ลดค่าโอน-จดจำนองเหลือ 0.01% ถึง31ธ.ค.65 เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจบวกกับการผ่อนคลายมาตรการแอลทีวีของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีส่วนช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯ พร้อมทั้งประคับประคองตลาดให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้
Reference: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ