ลลิล ลุ้นอสังหาฯฟื้นไตรมาส4หลังรัฐฉีดวัคซีนตามแผน

14 Sep 2021 427 0

          บุษกร ภู่แส

          กรุงเทพธุรกิจ


          ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เผยครึ่งปีแรกยอดเกินเป้า หลังล็อกดาวน์ ปิดแคมป์ ยอดไตรมาส3 สะดุด 20-30% ลุ้นฉีดวัคซีนตามแผนหนุนท่องเที่ยว และส่งออกฟื้น ช่วยสร้างเม็ดเงินคืนสู่ระบบเศรษฐกิจ ดึงนักลงทุนและนักท่องเที่ยวกระตุ้นอสังหาฯ

          นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ผลประกอบการของบริษัทช่วงครึ่งแรกปีนี้ รับรู้ รายได้ 3,200 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกว่า 50% จากเป้าหมาย โดยเกินเป้า 200 ล้านบาท เกิดจาก การที่ดีมานด์ส่วนหนึ่งเปลี่ยนมาสนใจ บ้านแนวราบเพิ่มขึ้นหลังเกิดโควิด-19 เพราะมีความกังวลในการใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน ประกอบกับมีมาตรการให้ทำงานที่บ้าน ซึ่งหากอยู่คอนโดขนาด 30 ตร.ม.มีพื้นที่จำกัด

          อย่างไรก็ตามในด้านภาพรวมตลาดแนวราบ ไม่โตเท่าที่ควร สังเกตได้จากตัวเลขจดทะเบียน กรุงเทพฯ ปริมณฑล รวมถึงตลาดคอนโด เนื่องจาก ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

          ”เดิมคิดว่าช่วงครึ่งปีหลังจะดี แต่หลังจากเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา เข้ามาส่งผลกระทบผลประกอบการไตรมาส 3 ที่มีมาตรการล็อกดาวน์ ปิดแคมป์คนงาน ทำให้ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่า ยอดขายและรายได้ ทั้งปีจะโตขึ้นเหมือนครึ่งปีแรก เพราะได้รับผลกระทบในไตรมาส 3 หนักกว่าไตรมาส 2 ที่เกิดโควิดจากย่านทองหล่อ”

          นายชูรัชฏ์ กล่าวว่าจากข้อมูลพบว่า ยอดขาย ในไตรมาส 3 ช่วงเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาลดลง 20-30% เนื่องจากลูกค้ากังวลในการเดินทางมาเยี่ยมชม โครงการ ทำให้ต้องมีการปรับกลยุทธ์จัด เวอร์ชวลทัวร์ให้กับลูกค้า จัดไลฟ์แบบตัวต่อตัว หรือพรีบุ๊กกิ้งเพื่อชมโครงการในไซต์งานก่อสร้าง แต่ละครอบครัวที่เข้ามาจะไม่เจอกับลูกค้าครอบครัวอื่นเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ

          ส่วนการที่รัฐคลายล็อกดาวน์ เห็นว่ากำลังซื้อและอารมณ์ซื้อของลูกค้ายังไม่กลับมา มีเพียงดีมานด์การเข้าร้านปิ้งย่างในห้างฯ  ที่กลับมา ส่วนการปลดล็อกการปิดแคมป์ คนงานช่วยเรื่องการก่อสร้างให้สามารถ กลับมาเดินได้ตามปกติ ในเดือนส.ค. แต่ยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดเพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อยังสูง เพิ่งลดลงเหลือระดับ หมื่นคนต้นๆ ช่วงเดือน ก.ย. นี้ ในมุมของลูกค้ายังมีความกังวลพอสมควร แต่การก่อสร้างสามารถดำเนินการได้ตามปกติ

          ”ต้องยอมรับว่า ปีนี้ได้รับผลกระทบค่อนข้างเยอะ เนื่องจากล็อกดาวน์ยาวนาน เศรษฐกิจฟื้นช้า เพราะได้รับผลกระทบและบอบช้ำมานานโดยเฉพาะท่องเที่ยวแม้ว่าจะมีการคลายล็อกดาวน์”

          ส่วนภาพรวมไตรมาส 4  น่าจะดีกว่าไตรมาส 3 เนื่องจากการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น ทั่วประเทศ และหากทำได้ตามแผนจะทำให้ธุรกิจสามารถเปิดได้เต็มรูปแบบ ลดความรุนแรง ของโควิดลง

          นอกจากนี้การเปิดภูเก็ตแซนด์ บ็อกซ์ และจะขยายไปเปิดตามหัวเมองท่องเที่ยว ต่างๆ เช่น สมุย พัทยา เชียงใหม่ เมื่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวทยอยเปิดตัวส่งผลให้เกิด ความต่อเนื่องจากอุตสาหกรรมอื่นๆ ต่อไป รวมทั้งตัวเลขการส่งออกเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาหากฉีดวัคซีนได้ตามแผนและโควิดไม่กลายพันธุ์หรือเกิดโควิดระลอก5 ออกมา

          นายชูรัชฏ์ กล่าวว่า ปัจจัยที่มีผลทำให้เศรษฐกิจ และอสังหาฯฟื้นตัว คือ 1. การฉีดวัคซีนตามเป้าหมาย 2. การคลายล็อกดาวน์ในแต่ละพื้นที่ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นและสามารถ คุมตัวเลขการติดเชื้อ ทุกคนดูแลตนเองได้ดี ใช้ชีวิตอยู่ในความไม่ประมาท 3. การส่งออกดีขึ้น ขณะเดียวกันในส่วนมาตรการรัฐที่เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ คงเป็นเรื่องมาตรการ การคลังเรื่องเพดานหนี้ที่ควรจะยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อให้มีเม็ดเงินอัดฉีดเข้าไปในระบบเศรษฐกิจ เดินต่อไปได้ทำให้เกิดตัวคูณ (Multiplier)เหมือนในอเมริกา ยุโรป เพราะภาคการเงินดอกเบี้ยต่ำมากแล้ว

          นายชูรัชฏ์ ระบุว่า แนวทางการปรับตัวของลลิล เริ่มจากการลีนองค์กร เพิ่มกระแสเงินสดให้เพียงพอจะรองรับสถานการณ์ ความไม่แน่นอน หรือวิกฤติที่เกิดขึ้น ซึ่งลลิล ไม่มีปัญหานี้เนื่องจากมีวงเงินในธนาคาร 2,600 ล้านบาทยังไม่ได้เบิกและมีวงเงินให้กู้ 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีวงเงินสำรองภายในเพียงพอ  ทั้งนี้ที่ผ่านมาทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปีเปิดตัว9 โครงการมูลค่า 6,000 ล้านบาท ครึ่งปีแรกเปิดไป 5 โครงการ กำลังจะเปิดอีก 2 โครงการในไตรมาส 3 และในไตรมาส 4 เหลือ 2 โครงการที่เปิดตัวในโซน นนทบุรี เป็นโครงการทาวน์โฮมแบรนด์ไลโอ และโซน สุวรรณภูมิ ภายใต้แบรนด์แลนซีโอ เป็นบ้านขนาดกลางจับกลุ่มลูกค้าบ้านหลังแรก ราคา 3-6 ล้านบาท คาดว่า จะสามารถ ทำยอดขายและรายได้ได้ตามเป้าหมาย ตั้งเป้าของขายไว้ 7,000 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้ 6,000 ล้านบาท

Reference:

Click icon to remove from or add to favorite list
Click to choose and click "Compare" button