รับสร้างบ้านท้ารบไวรัสเจาะนิชมาร์เก็ต-ต่างจังหวัด

26 Mar 2020 1,021 0

          ธุรกิจรับสร้างบ้านเข้าสู่ยุคสร้างดาวคนละดวง “ซีคอน-รอแยลเฮ้าส์” รีโมเดลแผนธุรกิจหันจับตลาดกลางล่างเจาะลูกค้าตลาดแมส “พีดี เฮ้าส์” เล็งเจาะลูกค้าข้าราชการรอเกษียณ ชี้โอกาสเติบโตสูง-กำเงินสดสร้างบ้าน 90%

          ซีคอนเฟ้นลูกค้า 3-6 ล้าน

          นายมนู ตระกูลวัฒนะกิจ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท ซีคอน จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทก้าวสู่ปีที่ 60 เรื่องใหม่ปีนี้มีการรีแบรนดิ้ง “ซีคอนโฮม” เป็น “ซีคอน” ควบคู่กับเปิดเบอร์โทร. 4 ตัวหลัก “1391” อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าจดจำง่าย รวมทั้งจัดแคมเปญ “ซีคอน พรีวิเลจ” ร่วมกับพันธมิตรเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน วัสดุก่อสร้าง 10 แบรนด์ดัง มอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมให้กับลูกค้าซีคอน

          อาทิ ส่วนลดจากแบรนด์โมเดอร์นฟอร์ม, เอสบี, แกรนด์โฮม, บุญถาวร, แอร์ไดกิ้น, ผ้าม่านไอเคอร์เทน, อีเลคโทรลักซ์, เครื่องกรองน้ำและเครื่องฟอกอากาศโคเวย์ เป็นต้น

          สำหรับผลประกอบการปี 2562 ซีคอนมีรายได้รวม 1,480 ล้านบาท มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 สัดส่วน 12% ของมูลค่าตลาดรวม 12,500 ล้านบาท เติบโต 5% จากปี 2561 ที่มีมูลค่าตลาดรวม 12,000 ล้านบาท แผนลงทุนปี 2563 ตั้งเป้ารายได้ 1,480 ล้านบาท เติบโตทรงตัว ปัจจุบันมีศูนย์รับสร้างบ้านซีคอน 4 ศูนย์หลักที่รามอินทรา, บางแค, แจ้งวัฒนะ, งามวงศ์วาน

          ฐานลูกค้าหลักมากสุดเป็นลูกค้า สร้างบ้านราคา 3-6 ล้านบาท, รองลงมา กลุ่มราคา 6-10 ล้านบาท และกลุ่มราคาเกิน 10 ล้านบาทขึ้นไป ในขณะที่ ซีคอนมีแบบบ้านให้เลือก 200 แบบบ้าน ครอบคลุมกลุ่มราคา 2-35 ล้านบาท

          พฤติกรรมผู้บริโภค ณ ปี 2558-2562 ลูกค้าสร้างบ้านด้วยเงินสด 78% ขอสินเชื่อ 22% เฉพาะปี 2562 ได้เห็นพฤติกรรมผู้บริโภคมีการปรับตัวโดยขอสินเชื่อเพิ่มสัดส่วนเป็น 33% ใช้เงินสดเหลือ 67% เหตุผลเพราะสถาบันการเงิน ให้เครดิตไลน์ลูกค้ามากขึ้น ก็เลยใช้ สินเชื่อเพิ่มขึ้น

          “บริษัทมียอดขายในพื้นที่ต่างจังหวัด 100 กว่าล้าน สัดส่วน 10% พื้นที่หลักอยู่ในภาคตะวันออก เขตพื้นที่ EEC กลยุทธ์ยังใช้ศูนย์หลักในกรุงเทพฯรองรับพื้นที่การตลาดในต่างจังหวัด

          รอแยลเฮ้าส์เน้นเจาะคนรุ่นใหม่

          นายโกศล โควิสุทธิ์ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท รอแยลเฮ้าส์ จำกัด เผยว่า ปี 2562 มีรายได้ 900 ล้านบาท ลดลงจากปี 2561 ที่ทำรายได้ 1,120 ล้านบาท ปี 2563 ตั้งเป้ายอดขาย 1,000 ล้านบาท เติบโต 10%

          ทั้งนี้ รายได้ 900 ล้านบาทในปี ที่แล้วมาจากการสร้างบ้านในกรุงเทพฯปริมณฑล 70 หลัง มูลค่า 760 ล้านบาท สัดส่วน 84% ต่างจังหวัด 23 หลัง 140 ล้านบาท สัดส่วน 16% ส่วนใหญ่เป็นบ้านราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท 33 หลัง มูลค่า 180 ล้านบาท ราคา 5-10 ล้านบาท 33 หลัง 238 ล้านบาท โดยบ้านแพงที่สุดราคาเกิน 100 ล้านบาท

          กลุ่มลูกค้า 77% มูลค่า 690 ล้านบาท สร้างบ้านด้วยเงินสดอีก 23% มูลค่า 210 ล้านบาท สร้างบ้านด้วยการขอ สินเชื่อขณะที่ดาต้าเบส 5 ปีก่อนลูกค้าหลักอายุ 50 ปี รองลงมาอายุ 40-49 ปี ในระยะหลังกลุ่ม new Gen อายุ 25-39 ปี ที่ต้องการขยายครอบครัวของตัวเอง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รอแยลเฮ้าส์จึงหันมาสื่อสารกับลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้นในช่วง 2 ปี ล่าสุดนำเสนอแบบบ้านนิวซีรีส์ ในธีม “โมเดิร์นมินิมอลลิสม์” ราคา 3-5 ล้านบาท 4 แบบบ้าน ฟังก์ชั่น 2-4 ห้องนอน 2-5 ห้องน้ำ 2-3 ที่จอดรถ พื้นที่ใช้สอย 136-423 ตารางเมตร

          “รอแยลเฮ้าส์ตอบรับกระแสใส่ใจ สิ่งแวดล้อมด้วยการใช้ green product เช่น การใช้คานกับเสาสำเร็จรูปของ CPAC ลดการเกิดฝุ่นหรือการผสมวัสดุเกินในพื้นที่ก่อสร้างได้ ช่วยลดต้นทุนและผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมได้ รวมถึงเริ่มศึกษาโปรแกรม revit สร้างแบบจำลองข้อมูลอาคาร หรือ BIM ในการออกแบบเพื่อลดความเสียหายและการสูญเสียต้นทุนโดยไม่จำเป็น ส่วนค่าก่อสร้างตามปกติจะปรับราคาทุก 2-3 ปีตามกลไกตลาดและค่าแรง แต่ปีนี้ไม่มีการปรับราคาเพิ่ม ทำให้ปัจจุบันค่าก่อสร้างเฉลี่ย 20,000 บาท/ตารางเมตรในทุกเซ็กเมนต์”

          ปัจจุบันมี 12 สาขา อยู่ในกรุงเทพฯ 7 สาขา ต่างจังหวัด 5 สาขา ได้แก่ ชลบุรี นครปฐม สระบุรี นครราชสีมา อุบลราชธานี

          พีดีเฮ้าส์ฯเจาะ ขรก.เกษียณ

          นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการ บริษัท พีดีเฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปี 2562 มีรายได้ 1,000 ล้านบาท แผนธุรกิจปี 2563 ตั้งเป้ารายได้ เท่าเดิมเนื่องจากรับผลกระทบจาก ปัจจัยลบทั้งปัญหาภัยแล้ง ผลผลิตการเกษตรตกต่ำ กำลังซื้อชะลอตัว เพราะไม่มีความเชื่อมั่น ภาวะเศรษฐกิจ ภาพรวมไม่ฟื้นตัว ล่าสุดเจอวิกฤต โรคระบาดโควิด-19 ทำให้ยังไม่มีปัจจัยบวกอื่น ๆ เข้ามาสนับสนุนมากนัก

          ปัจจุบันพีดีเฮ้าส์ฯมี 25 สาขา ทั่วประเทศ แบ่งเป็นสาขาบริษัท 11 สาขา, แฟรนไชส์ร่วมทุนกับนักลงทุนท้องถิ่น 8 สาขา, ผู้ลงทุนรายอื่น 6 สาขา ส่วนพื้นที่ให้บริการอยู่ในเขตกรุงเทพฯปริมณฑล 4 สาขา พื้นที่ต่างจังหวัดกระจายอยู่ในภาคเหนือ, ภาคใต้, ภาคกลาง อย่างละ 4 สาขา ภาคอีสาน 9 สาขา โดยรับสร้างบ้านตั้งแต่ 2-20 ล้านบาท แต่กลุ่มรายได้หลักมาจากการสร้างบ้านราคา 3-6 ล้านบาท รองลงมา 6-10 ล้านบาท

          โดยฐานลูกค้าหลักมีอายุ 30-50 ปี ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ อีกกลุ่มที่น่าสนใจมาก คือ ลูกค้าข้าราชการอายุ 50 ปี ขึ้นไปมีพฤติกรรมเตรียมสร้างบ้านก่อนเกษียณ 5-10 ปี เพราะเมื่อถึงตอนนั้น ต้องย้ายออกจากบ้านพักของรัฐบาล ต้องหาที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง

          ทั้งนี้ จากการสำรวจพฤติกรรมลูกค้าข้าราชการเตรียมตัวเกษียณมีความต้องการบ้านพักสำหรับ 2 คนตายาย ไม่ต้องการขนาดใหญ่มาก ถ้าสร้างบ้าน ในเขต กทม.-ปริมณฑลมักเป็นแบบ 2 ชั้น ส่วนในต่างจังหวัดเน้นสร้าง บ้านเดี่ยวชั้นเดียวเนื่องจากต้นทุนที่ดิน ถูกกว่า เน้นขนาดกะทัดรัดหลังเล็กราคา 2-3 ล้านบาท สร้างบนที่ดิน 50-80 ตารางวา ตัวบ้านมีพื้นที่ใช้สอย 100-150 ตารางเมตร

          กำลังซื้อล่ำซำ-เงินสด 90% อัพ

          ฟังก์ชั่นสำคัญ คือ ต้องมีห้องพระและแบบบ้านยูนิเวอร์แซลดีไซน์ซึ่งต้องทำเผื่อไว้เลย เช่น อุปกรณ์ช่วยพยุงสำหรับผู้สูงวัย ราวจับ โถสุขภัณฑ์เตี้ยกว่าปกติ 5-10 เซนติเมตร เพื่อลดความลำบากในการลุกนั่ง พื้นปูด้วยวัสดุกันกระแทก ระดับพื้นห้องน้ำราบเรียบเท่ากันสำหรับวีลแชร์และป้องกันการสะดุด บานประตูขยายจาก 70 เซนติเมตร เป็น 90 เซนติเมตร ห้องน้ำต้องมีหน้ากว้างอย่างน้อย 2 เมตรขึ้นไป มีไฟสว่างส่องพื้น-รอบเตียงหรือใต้เตียง ติดตั้งหน้าต่าง 2 บาน 2 ด้านเพื่อให้อากาศถ่ายเท ความสูงบานหน้าต่างลดระดับเหลือ 90-70 เซนติเมตรเพื่อให้ใช้งานง่าย เป็นต้น

          ที่น่าสนใจ คือ เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีพฤติกรรมสร้างบ้านด้วยเงินสด 90% ขึ้นไป เนื่องจากมีการเก็บออมเงินมาแล้วทั้งชีวิต เมื่อสูงวัยแล้วไม่ต้องการเป็นหนี้ รวมทั้งสำรวจพบว่าแม้เป็นข้าราชการส่วนกลางทำงานในกรุงเทพฯ แต่ในวัยเกษียณมีความต้องการสร้างบ้านพักอาศัยในต่างจังหวัดหรือไปอยู่ในจังหวัดปริมณฑลเพราะที่ดินถูกกว่า อาทิ ชานเมืองกรุงเทพฯ หนองจอก นนทบุรี ปทุมธานี ฯลฯ

          “ลูกค้ากลุ่มข้าราชการเกษียณเขาจะศึกษามาก่อนว่าวัสดุใช้อย่างไร เคยสร้างที่ไหนมา มีแบบบ้านที่เขาสนใจเบื้องต้น หลังจากนั้น ถึงจะ walk-in เข้ามา พีดีเฮ้าส์ฯ วันนี้ฐานลูกค้าถือว่าไม่สูง แต่เป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุดปี 2561 มีออร์เดอร์สร้างบ้านให้ลูกค้ากลุ่มนี้ 20-30 หลัง วางแผนเรื่องการใช้งบฯสร้างบ้านล่วงหน้า เน้นควบคุมไม่ให้งบฯบานปลายใช้เหตุผลมากกว่าความสวยและความหรูหรา ฉะนั้น ทุกอย่างที่จะเพิ่มหรือจ่ายเพิ่มก็ต้องมีเหตุผลนำ” นายสิทธิพรกล่าว

Reference:

Click icon to remove from or add to favorite list
Click to choose and click "Compare" button