ต้นปีอสังหาฯ เชียงใหม่ เริ่มขยับ ทุนภูธร-ส่วนกลางผุด 7 คอนโดใหม่รอจีน
ตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ต้น ปี 2565 เริ่มขยับทั้งแนวราบและแนวสูง บ้านเดี่ยว-บ้านแฝด-ทาวน์โฮม ทยอยปักหมุดรับ real demand กลุ่มลูกค้าคนไทยปรับดีไซน์บ้านให้สอดรับวิถีใหม่ยุคโควิด เพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานรองรับการทำงานที่บ้าน WFH เผยคอนโดฯยังมีดีมานด์ ด้านกลุ่มทุน ท้องถิ่น-ส่วนกลาง เตรียมผุด 7 โครงการ รอรับตลาดจีนที่จะกลับมาหลังโควิด-19
นายสรนันท์ เศรษฐี นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก จากผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง กำลังซื้อหดตัวหายไปค่อนข้างมาก ทั้งลูกค้ากลุ่มคนไทยชะลอการตัดสินใจซื้อ สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อยาก ขณะที่ผลกระทบทางตรงอีกด้านคือ กลุ่มลูกค้าต่างชาติหายไป 100% โดยเฉพาะตลาดคนจีน ซึ่งเป็นกำลังซื้อสำคัญที่มีสัดส่วนประมาณ 70% ของลูกค้าต่างชาติทั้งหมด ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ด้วยมาตรการที่เข้มงวดของรัฐบาลจีน
ทั้งนี้ หากมองแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ปี 2565 ถือว่ามีแนวโน้มที่ดีกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะเริ่มเป็นปกติ ประชาชนมีการฉีดวัคซีนอย่างครอบคลุม ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีสัญญาณบวกของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านจริง (real demand) ทั้งกลุ่มลูกค้าในพื้นที่เชียงใหม่และกรุงเทพฯ ที่ต้องการซื้อบ้านหลังที่สอง ซึ่งบ้านแนวราบ ยังมีความต้องการอยู่มาก ทั้งบ้านเดี่ยวราคา 3-5 ล้านบาท และบ้านแฝดราคาตั้งแต่ 2-3 ล้านบาท เป็นสินค้าที่ดีเวลอปเปอร์ทั้งทุนท้องถิ่นและส่วนกลางเริ่มมีการลงทุนขึ้นโครงการใหม่ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยทำเลยอดนิยม 3 ทำเลที่ยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องคือ อำเภอสันกำแพง อำเภอหางดง และอำเภอสันทราย เป็นทำเลที่ราคาที่ดินยังสามารถจับต้องได้ และการคมนาคมสะดวก
นอกจากนี้ เทรนด์การดีไซน์บ้านเริ่มมีการปรับเปลี่ยนให้สอดรับกับยุควิถีใหม่หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 คนส่วนใหญ่ จะมีช่วงเวลาทำงานที่บ้าน (WFH) มากขึ้น โดยเน้นบ้านหน้ากว้าง เพิ่มฟังก์ชั่นการใช้สอย อาทิ การเพิ่ม space หรือพื้นที่ภายในตัวบ้านให้สามารถปรับเป็นห้องทำงานอย่างเป็นสัดส่วน หรือสามารถไลฟ์สดขายของได้ เป็นต้น ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าในยุคปัจจุบัน
นายสรนันท์ กล่าวต่อว่า ในปี 2565 มีกลุ่มทุนทั้งทุนท้องถิ่นและส่วนกลางเตรียมลงทุนก่อสร้างคอนโดมิเนียมใหม่ ประมาณ 7 โครงการ เป็นของทุนท้องถิ่น 4 โครงการ และทุนส่วนกลาง 3 โครงการ เพื่อรองรับดีมานด์ของตลาดจีนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจากการได้พูดคุยกับนายหน้าหรือตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีน ยืนยันว่าปริมาณคนจีนที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเชียงใหม่ยังมีมากเหมือนเดิม ซึ่งคนจีนส่วนใหญ่ยังนิยมส่งลูกมาเรียนที่จังหวัดเชียงใหม่ จึงต้องการซื้อที่อยู่อาศัย แต่ด้วยมาตรการเข้มงวดของรัฐบาลจีนในการป้องกันโควิด-19 ทำให้การเดินทางออกนอกประเทศทำได้ค่อนข้างยากลำบาก หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดีขึ้น คนจีนจะเดินทาง มาดูโครงการด้วยตัวเอง
นายวโรดม ปิฏกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รีเกิล แอสเสท จำกัด เจ้าของโครงการ “เดอะ พรอมิเน้นซ์” กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์สำหรับลูกค้าคนจีนในเชียงใหม่ชะลอตัวลงมากตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งกลุ่มกำลังซื้อบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม รวมถึงกลุ่มนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุน เนื่องจากรัฐบาลจีนยังไม่สนับสนุนให้คนจีนเดินทางออกนอกประเทศ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยใช้นโยบาย Zero-COVID รวมถึงความเข้มงวดในการนำเงินออกมาซื้ออสังหาริมทรัพย์นอกประเทศในช่วงเวลานี้ ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของคนจีนใน จ.เชียงใหม่ อยู่ในภาวะชะลอตัวมาก ผู้ประกอบการหันมาทำตลาดคนไทยแทน
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เตรียมแผนขยายการลงทุนโครงการใหม่ในปี 2565 มูลค่าโครงการ 250 ล้านบาท เป็นโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ทำเลใกล้สี่แยกแอร์พอร์ต บนเนื้อที่ 9 ไร่ ขนาดโครงการ 52 ยูนิต โดยมีกลุ่มลูกค้า คนไทยเป็นกำลังซื้อสำคัญ แต่ขณะเดียวกัน ทางบริษัทได้ปรับแผนเน้นสัดส่วนกลุ่มลูกค้าต่างชาติเพิ่มเป็น 50% ทั้งลูกค้ากลุ่มคนจีน ยุโรป และสหรัฐ โดยใช้เอเยนซี่ด้านการตลาดอสังหาริมทรัพย์เข้ามาช่วยเรื่องการขายและการตลาด คาดว่าเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดีขึ้น จะทำให้การเดินทางระหว่างประเทศมีความคล่องตัวมากขึ้นและคาดว่าดีมานด์จะกลับมาในอีกไม่ช้า
Reference: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ