ตลาดอสังหายังอ่วมไร้สัญญาณฟื้น
จี้รัฐลดดอกเบี้ย-ผุดมาตรการกระตุ้น
รายกลางเบรกลงทุน-แสนสิริลุยไม่ยั้ง
ปิดไตรมาสแรกปี'67 สถานการณ์เศรษฐกิจ ตลาดอสังหาฯ กอดคอซึมยาว ไร้สัญญาณฟ้นตัว ติดหล่มกำลังซื้อ แบงก์ไม่ปล่อยกู้ รีเจ็กต์เรตพุ่ง 50% จี้รัฐลดดอกเบี้ย คลอดมาตรการกระตุก ก่อนทรุดหนัก รายกลางเบรกเปิดโครงการใหม่ 'แสนสิริ'โชว์โกยยอดขาย-โอนสนั่น ไตรมาส 2 ลุยต่อ 11 โครงการ มูลค่า 1.2 หมื่นล้าน
นายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ไตรมาสแรกของปี 2567 ยังน่าเป็นห่วง กำลังซื้ออ่อนแอตามภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงมีปัจจัยหลักจากอัตราดอกเบี้ยแพงและธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ส่งผลให้ยอดกู้ซื้อบ้านไม่ผ่านมากกว่า 40% แต่มีบางโครงการที่อาจสูงกว่านี้ ทั้งนี้ อยากให้ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นโดยเร็ว ก่อนที่ตลาดจะซึมมากกว่านี้ ในขณะนี้กลุ่มราคาต่ำ 3 ล้านบาทน่าห่วง กู้ไม่ผ่านสูง ผู้ประกอบการต้องทำการขายวนหลายรอบ อย่างในกรุงเทพฯต้องขาย 2-3 รอบ แต่ต่างจังหวัดอาจจะมากกว่านี้
“สถานการณ์ไตรมาส 2 อยู่ในภาวะที่ไม่มีความชัดเจน ทั้งเศรษฐกิจ และอสังหาฯ ทำให้ผู้ประกอบการเพิ่มความระมัดระวัง ชะลอเปิดโครงการ รอดูสถานการณ์ ขณะที่แบงก์เข้มปล่อยกู้ให้โครงการมากขึ้น ซึ่งการลดดอกเบี้ยมีผลต่อกำลังซื้อและต้นทุนการเงินของผู้ประกอบการและผู้ซื้อบ้าน ถ้าดอกเบี้ยแพง คนจะชั่งใจ เพราะมีภาระเพิ่ม ดังนั้นดอกเบี้ยนโยบายควรจะปรับลดลงได้แล้ว ถ้าช้าจะยิ่งทำให้การฟ้นตัวยิ่งยากขึ้น” นายอธิปกล่าว
นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า ประเมินไตรมาส 2 ตลาดอสังหาฯยังคงชะลอตัว ต่อเนื่องจากไตรมาสแรก ตามภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ไม่ฟ้นตัว ขณะที่ยอดรีเจ็กต์เรตยังไม่ลดลงอยู่ที่ 30-40% ซึ่งบริษัทในครึ่งปีแรกจะชะลอเปิดโครงการใหม่ รอดูสถานการณ์ครึ่งปีหลัง และมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐที่คาดหวังจะมี ถ้าไม่มีคงจะชะลอตัวยาว
นายอุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลการดำเนินการงานไตรมาสแรกปี 2567 มียอดขาย 12,000 ล้านบาท เป็นแนวราบ 8,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 4,000 ล้านบาท คิดเป็น 23% จากเป้ายอดขายทั้งปี 52,000 ล้านบาท ด้านยอดโอนอยู่ที่ 9,700 ล้านบาท เป็นแนวราบ 7,500 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 2,200 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2 จะเปิด 11 โครงการ มูลค่า 12,000 ล้านบาท เป็นแนวราบ 5 โครงการ มูลค่า 4,200 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่า 7,800 ล้านบาท
“ไตรมาส 2 พยายามเปิดตามแผน เพราะซื้อที่ดินแล้ว แม้เศรษฐกิจ ตลาดยังซึมต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2566 ถ้าหากไม่มีมาตรการกระตุ้นคงซึมยาว อยากให้ลดดอกเบี้ย เลิก LTV และการที่แบงก์เข้มปล่อยกู้ ทำให้ลูกค้ากู้ไม่ผ่านสูง 40-50% ในส่วนของกลุ่ม 2-3 ล้านบาท ต้องนำกลับมาขายหลายรอบ แต่สัดส่วนลูกค้าซื้อเงินสดยังสูง 20-25%” นายอุทัยกล่าว
Reference: หนังสือพิมพ์มติชน