ดึงต่างชาติ ช็อปอสังหาไทย แจกวีซ่า 10 ปี ไม่ใช่ยาแรงเช่ายาว 99 ปี คือคำตอบสุดท้าย
แหวกวงล้อมสถานการณ์โควิด ไม่ช้าก็เร็วไทยต้องเปิดประเทศและไม่ช้าก็เร็วมาตรการดึงต่างชาติกลุ่มกำลังซื้อสูง 4 กลุ่มเข้าไทย โดย ตั้งเป้าเป็นลูกค้าใหม่ 1 ล้านคนจะต้องมีการขับเคลื่อนไปสู่ภาคปฏิบัติ ภายใต้การผลักดันของทีมงาน สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและ รมว.พลังงาน
ประชาชาติธุรกิจ สัมภาษณ์พิเศษ ผู้บริหารในวงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อช่วยกันกะเทาะและสังเคราะห์นโยบายใหม่ เปรียบเทียบกับโรคระบาดโควิดที่รัฐบาลกำลังให้ยาแรงด้วยการเร่งฉีดวัคซีนเพื่อควบคุมและป้องกัน ในมุมของมาตรการ ดึงต่างชาติผู้มั่งคั่งเข้ามาพักอาศัย ระยะยาวในประเทศไทย การแจกวีซ่า 10 ปี เป็นยาแรงที่จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย ได้มากน้อยแค่ไหน
CBRE แนะให้เช่ายาว 90-99 ปี
เปิดประเด็นด้วย อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ CBRE ประเทศไทย เครือข่ายโบรกเกอร์อสังหาริมทรัพย์ข้ามชาติที่มีงานขาย ห้องชุดลักเซอรี่ล้นมือในยุคพีกของตลาดคอนโดฯช่วงปี 2560-2561 จนถึงปัจจุบัน
การให้วีซ่า 10 ปี ดึงลูกค้าต่างชาติ เบื้องต้นเกณฑ์ด้านคุณสมบัติไม่ใช่ เรื่องใหม่ เป็นกฎที่รัฐบาลเคยออกวีซ่าสำหรับชาวต่างชาติ เพียงแต่ปี 2564 มีการนำมาปัดฝุ่นให้กับเข้ายุคเข้ากับสมัย
จุดโฟกัสอยู่ที่การถือครองอสังหาฯ มี 2 รูปแบบหลัก คือ ฟรีโฮลด์- การถือกรรมสิทธิ์ กับ ลีสโฮลด์สิทธิการเช่า”
สำหรับเมืองไทย ประเด็นการให้สิทธิฟรีโฮลด์แก่ชาวต่างชาติ ปัจจุบันสามารถทำได้ด้วยการซื้อคอนโดฯ มีโควตา ซื้อได้ไม่เกิน 49% ส่วนบ้านจัดสรรหรือบ้านแนวราบกฎหมายไทยไม่อนุญาตให้ต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ทางตรงได้ ดังนั้น นโยบายที่มีสัญญาณว่าจะเปิดโอกาสให้ต่างชาติซื้อบ้านแนวราบได้มองว่าเป็นนโยบายที่ดี แต่เป็นประเด็นอ่อนไหวมากในสังคมไทย
ทางออกในการดึงกำลังซื้อต่างชาติ CBRE จึงเสนอทางเลือกในการขยายสิทธิการเช่าระยะยาว ปัจจุบันไทยเปิดให้ทำสัญญาเช่า 30 ปี เสนอให้เพิ่มอายุการเช่าเป็น 90-99 ปี เพื่อให้ การถือครองสัญญาเทียบเท่าการซื้อกรรมสิทธิ์ (ลีสโฮลด์เทียบเท่าฟรีโฮลด์ ถ้าอายุการเช่ายาว) โดยมีโมเดลใน ต่างประเทศที่ทำกันอย่างแพร่หลาย เช่น อังกฤษมีอายุเช่าอสังหาฯ 99 ปี เป็นต้น
ตามแนวทางนี้ ถ้าหากรัฐบาลรับไปพิจารณาก็อยากเสนอให้ทำนโยบายให้ครบถ้วน หมายถึง ถ้าไทยขยายอายุการเช่าจาก 30 ปี เป็น 90-99 ปีขึ้นมาจริง ๆ ในขั้นตอนการปฏิบัติก็จะต้องง่ายและสะดวก โดยชาวต่างชาติเมื่อทำสัญญาเช่า ลีสโฮลด์กับโครงการหรือกับเจ้าของ อสังหาฯ แล้วสามารถไปจดทะเบียนสิทธิการเช่ายาว 90-99 ปีได้เลย
ข้อแตกต่างขั้นตอนการจดทะเบียนเช่า 30 ปีในปัจจุบัน กับสิ่งที่เสนอให้รัฐบาลทำสำหรับการเช่า 90-99 ปีในอนาคต คือ
1.การจดทะเบียนเช่า 30 ปี หมายความว่า กฎหมายไทยคุ้มครองเต็มเวลา 30 ปี
2.มีการพูดถึงโซน EEC ที่มีกฎหมายพิเศษเปิดทางให้ต่างชาติเช่าระยะยาว 50 ปีบวก 40 ปี รวมเป็น 90 ปี แต่ในทางปฏิบัติ เอกชนผู้เช่าต้องแบ่งทำสัญญาอย่างน้อย 3 รอบ เพราะกฎหมายไทยมีอายุการเช่าสูงสุดได้เพียงครั้งละ 30 ปี จึงเป็นจุดอ่อน เพราะต่างชาติรู้สึกการเช่า ไม่มั่นคงในระยะยาว เพราะทุกครั้งที่มี การต่ออายุสัญญาในรอบที่ 2 และ 3 จะต้องมีการตกลงค่าเช่าใหม่ ทำให้มีค่าใช้จ่ายหรือมีต้นทุนเพิ่มในอนาคต
3.ข้อเสนอคือ หากไทยขยายอายุการเช่าระยะยาวเป็น 90-99 ปี ก็จะต้องสั่งการให้หน่วยงานในภาคปฏิบัติสามารถจดทะเบียนเช่ายาว 90-99 ปีให้จบในครั้งเดียว ไม่ใช่ให้มาทำสัญญาใหม่ทุก 30 ปี
มุมมองเอกชนเราก็อยากเห็นขั้นตอนปฏิบัติการเช่าระยะยาว 90-99 ปี ควรจะง่าย ไม่ใช่ว่าต้องไป subject to โน่น to นี่ อยากให้ขั้นตอนจดทะเบียนง่ายต่อการเข้าใจและการปฏิบัติ ซึ่งตอนนี้ พี่สนใจนโยบายลีสโฮลด์ ถ้ารัฐบาลให้ทั่วประเทศเช่าได้ 50+40 ปี ไม่ใช่เราไม่เอานะ เพราะถึงยังไงยังดีกว่าเช่า 30 ปีในปัจจุบัน
ออริจิ้นขานรับเป็นจุดขายใหม่
ค่ายอสังหาฯที่มีความโดดเด่นที่สุดอีกค่ายหนึ่งในยุคโควิด พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ขานรับอย่างเต็มที่กับมาตรการแจกวีซ่า 10 ปีให้ลูกค้าต่างชาติ
เป็นปัจจัยบวก ที่ผ่านมาต่างชาติซื้ออสังหาฯแล้วอยู่อาศัยนาน ๆ ไม่ได้ การให้วีซ่าระยะยาวจะสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ประกาศให้ไทยเป็น priority of the world เป็นตัวเลือกที่ต่างชาติอยากเข้ามาพำนักระยะยาว เทียบกับวีซ่าเดิมไม่ได้มีออปชั่นให้ คู่สมรสกับบุตร ทำให้พฤติกรรมการซื้อคล้าย ๆ กับภรรยาก็เลยไม่ปล่อยมาซื้อ (หัวเราะ)”
สถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ปัจจุบันภาพรวมลูกค้าต่างชาติเคยซื้อสัดส่วน 25% ยุคโควิดเหลือสัดส่วน 5% ถ้ามีมาตรการวีซ่า 10 ปีอาจเป็นตัวช่วยทำให้ดันตลาดขึ้นไปถึงสัดส่วน 15% ได้ แต่ไม่คิดว่ากำลังซื้อต่างชาติจะบูมเท่าเดิม เพราะอย่าลืมว่าในอนาคตแม้จะจบ โควิดได้ แต่ยังต้องฟื้นฟูประเทศ ทำให้ไม่ได้นำเงินมาลงกับอสังหาฯมากนัก
วีซ่า 10 ปีเป็นอะไรที่เป็นปัจจัยบวก จะเป็นจุดขายใหม่ ออริจิ้นฯมียอดขาย ต่างชาติ 15-20% จากแบ็กล็อก (ยอดขายรอโอน) 3.5-3.8 หมื่นล้านบาท มาตรการนี้หวังว่าจะทำให้แบ็กล็อก ก้อนนี้มีการรับโอนได้ดีขึ้น”
บิ๊กพีระพงศ์ ประเมินว่า ถ้ามาตรการวีซ่า 10 ปีรัฐบาลดำเนินการได้เร็ว อาจเริ่มเห็นผลในการกระตุ้นอสังหาฯบ้างตั้งแต่ไตรมาส 4/64 แต่ผลตอบรับที่ดี น่าจะเห็นเต็มปีในปี 2565 มากกว่า
สำหรับคำถามว่าวีซ่า 10 ปีเป็นยาแรงหรือยัง ผมพอใจแล้วนะ ทำให้เราแข่งกับเขาได้แล้ว ที่ผ่านมาสมาคมคอนโดฯเราผลักดันประเด็นการเพิ่มแรงจูงใจลูกค้าต่างชาติอย่างน้อยควรให้เท่ากับมาเลเซีย”
ทั้งนี้ มาเลเซียมีนโยบาย MM2H-My Malaysia Second Home มอบสิทธิประโยชน์ดึงต่างชาติเข้าไปซื้ออสังหาฯในประเทศ หนึ่งในแพ็กเกจเป็นเรื่องการให้วีซ่าระยะยาวนั่นเอง
ส.คอนโดฯทวงใบอนุญาต PR
ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทยและประธานกรรมการ บริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) ตอบคำถามแรกด้วยคำกล่าวที่ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดของมาตรการ แต่เบื้องต้นสำหรับการให้วีซ่า 10 ปีสำหรับลูกค้าต่างชาติ ฟังแล้วมองว่าเป็นผลดี เป็นมาตรการที่ มีดีกว่าไม่มี
ประเด็นที่โฟกัสคือสิทธิประโยชน์นอกจากวีซ่าระยะยาวแล้ว มีเรื่องใหญ่มากแต่รายละเอียดนิดเดียวนั่นคือ ให้สิทธิลูกค้าต่างชาติ ซื้อและเช่าอสังหาฯ ในพื้นที่ที่รัฐกำหนด
คำถามคือ 1.ทำเลไหนบ้าง 2.อสังหาฯ ประเภทใดที่ให้สิทธิซื้อซึ่งหมายถึงถือกรรมสิทธิ์ได้ จากปัจจุบันลูกค้าต่างชาติมีโควตาซื้อกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียม 49% อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น สิ่งที่รอคอยคำตอบจึงเป็นเรื่องการเปิดให้ต่างชาติ ซื้อกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรรว่ารัฐจะทำจริง ๆ หรือไม่ 3.สิทธิประโยชน์ในการ เช่าอสังหาฯ ระยะยาว เป็นอีกมาตรการที่นักพัฒนา ที่ดินอยากรู้เช่นกัน และเป็นประเด็นที่นำเสนอให้รัฐบาลสนับสนุนมาโดยตลอด เพียงแต่ช่วงที่ผ่านมาข้อเสนอนี้ไม่เคยสำเร็จสักที
วกกลับเข้ามาหามาตรการแจกวีซ่า 10 ปี ดร.อาภา ระบุว่า เดิมสมาคมอาคารชุดไทยมีข้อเรียกร้องขอให้ออกใบอนุญาต Permanent Residence หรือใบต่างด้าว, ใบถิ่นที่อยู่แล้วแต่จะเรียกเพื่อดึงกำลังซื้อต่างชาติเข้ามาพำนักในประเทศไทยโดยมีเงื่อนไขซื้อที่อยู่อาศัยราคา 1 ล้นดอลลาร์ขึ้นไป ซึ่งหลักประกันดีกว่า อยู่ตลอดชีพก็ได้ถ้าไม่ทำผิดกฎหมายไทย ในขณะที่วีซ่า 10 ปีถือว่าระยะสั้นมากเมื่อเทียบกับใบต่างด้าว
การให้เพอร์มาเนนต์เรซิเดนซ์ต้องดูว่าประเทศอื่นเขาทำกันยังไง ตอนนี้ต่างชาติซื้ออสังหาฯที่ตุรกี, มาเลเซียแค่ 7 ล้านบาทรัฐบาลก็ให้เรซิเดนซ์เลย เป็นเหตุผลที่ทำให้คนจีนแห่กันไปตุรกีเยอะมาก เพราะการได้ใบถิ่นที่อยู่ในตุรกีเท่ากับได้ใบเบิกทางเข้ายุโรป ซึ่งมีความยุ่งยากน้อยกว่าเดินทางจากเอเชีย
รอความชัดเจน LTR Unit
ถัดมา พรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย 3 สมัย กล่าวสอดคล้องกันว่า การให้วีซ่าลูกค้าต่างชาติ 10 ปี ไม่มีอะไรไม่ดี โดยหยิบนโยบายการแจกวีซ่าลองเทอม 10 ปี ที่ทำผ่านการซื้อสมาชิกไทยแลนด์ อีลิตการ์ดของบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ว่ามีการทำเรื่องนี้อยู่แล้ว ส่วนจะประสบความสำเร็จหรือไม่ขึ้นกับการพิจารณาเข้าร่วมของบริษัท อสังหาฯแต่ละราย เพราะมีต้นทุนซื้อบัตรสมาชิกอีลิตการ์ดอีกต่างหาก ใบละ 5 แสน-1 ล้านบาท
ประเด็นโฟกัสพุ่งเป้าไปที่มาตรการ LTR Service Unit-หน่วยบริหาร ผู้พำนักระยะยาว ซึ่งให้สัมปทานโดยกระทรวงการคลัง และประกาศแนวทางออกมาแล้วว่าจะมอบสัมปทานให้บริษัทเอกชนเพียง 1 รายเท่านั้นรับผิดชอบในการดึงลูกค้าต่างชาติผู้มั่งคั่งเข้าไทย 1 ล้านคน, ให้บริการดูแลการใช้ชีวิตจนถึงตาย โดยคิดค่าบริการ ตามความเหมาะสม”
ขอทราบก่อนว่า LTR เป็นใคร ถ้าคนของนักการเมืองก็ขอรอดูก่อน เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่การบริหารโควตาแรงงานต่างชาติ ต้องดูศักยภาพเขา (ผู้รับสัมปทาน) ไม่ใช่อยู่ ๆ ไปเดินเรียกฝรั่งจากต่างชาติเข้ามาอย่างเดียว แต่ต้องมีทักษะและประสบการณ์เฉพาะ มีวิธีการทำงานที่ตอบสนองกับดีมานด์ กลุ่มต่างชาติกำลังซื้อสูง วิธีการทำงานจะตั้งโต๊ะเป็นเสือนอนกินหรือทำงาน เชิงรุก เพราะเป้าหมายรัฐบาลต้องการ 1 ล้านคน ถ้านั่งเฉย ๆ ล้านคนจะทำได้ไหมถ้าไม่โปรโมต และการโปรโมต จะทำยังไงให้ต่างชาติรับรู้ไปได้ทั่วโลก เอกชนรายเดียวมีศักยภาพทำได้ ขนาดนั้นหรือเปล่า
ศขอ.ห่วงนิยาม ต่างชาติมั่งคั่ง
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ รักษาการ ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ประเมินกรอบเวลาที่สามารถคาดหวังผลจากมาตรการแจกวีซ่า 10 ปีว่า ถึงแม้จะประกาศบังคับใช้จริงแต่ยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง อาจไม่ได้เห็นผลการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างชัดเจนในปีนี้
ขณะเดียวกัน เท่าที่ทราบมีเงื่อนไขลงทุนมูลค่า 2.5 แสนดอลลาร์ หรือ 7.5-7.7 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 31 บาท) ต้องบอกว่าไม่ใช่จำนวนมากมายอะไรสำหรับชาวต่างชาติ เพราะฉะนั้น ลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาอาจไม่ใช่เป็น ผู้มั่งคั่งหรือเป็นรายใหญ่จริง ๆ แต่จะกลายเป็นคนมีฐานะทางการเงินระดับหนึ่ง ที่สามารถเข้ามาซื้ออสังหาฯในไทยเพื่อใช้สิทธิพำนักระยะยาวได้
ตัวแปรสำคัญที่สุดภายใต้สถานการณ์โควิดมองว่าเป็นเรื่องการเคลียร์ปัญหา โรคระบาดโควิดต้องทำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนไม่ครบหรือทำไม่ได้ตามเป้าหมาย สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ที่จะต้องฉีดวัคซีนให้ประชาชนสัดส่วน 70% หรือ 50 ล้านคนภายในไตรมาส 3/64 อาจกลายเป็นอุปสรรคชิ้นโตที่ทำให้ลูกค้าต่างชาติลังเลที่จะเข้าเมืองไทย
ดร.วิชัย สรุปหย่อนไว้ตอนท้าย ด้วยว่า ได้พูดคุยกับกลุ่มตัวแทนนายหน้า อสังหาฯชาวจีน ได้รับคำยืนยันว่าคนจีน ยังตื่นตัวกับอสังหาฯในเมืองไทย บทความที่ลงหนังสือพิมพ์มีฟีดแบ็กอยากกลับมาซื้ออยู่ เพียงแต่ไม่แน่ใจสถานการณ์โควิด ในบ้านเรา
เชียงใหม่จี้รัฐเร่งเปิดท่องเที่ยว
End of story กับ อรรคเดช อุดมศิริธำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อรสิริน กรุ๊ป หนึ่งในอสังหาฯทุนเจ้าถิ่น รายใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่มองว่า ให้วีซ่า 10 ปีถ้าต้องการกระตุ้นอสังหาฯก็พอได้ แต่ยังไม่ใช่ยาแรงมาก
โดยให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า พฤติกรรมลูกค้าต่างชาติซื้อที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าจีนสัดส่วน 80% ซื้อเพื่อการลงทุนใน 2 รูปแบบ คือ ซื้อลงทุนสร้างผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า กับซื้อลงทุนเพราะคาดหวังมูลค่าเพิ่มในอนาคตอีก 15-20% ซื้อเพื่อต้องการมาพักอาศัยเอง
ดังนั้น ถ้ารัฐบาลต้องการกระตุ้นกำลังซื้อต่างชาติในกลุ่มซื้อลงทุน ต้องสร้างความมั่นใจว่าภายใน 5 ปีเมื่อนำอสังหาฯมาปล่อยเช่าแล้วสามารถทำผลตอบแทนได้ดีหรือเปล่า ราคายังปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องหรือเปล่า ซึ่งจะเห็นภาพอย่างนี้ได้เศรษฐกิจโดยรวมต้องดีก่อน
ยุคโควิดต้องยอมรับว่าวันนี้ยังไม่เห็นภาพเป็นบวกมากนัก วีซ่า 10 ปีไม่ใช่มาตรการเดียวจะกระตุ้นได้ทั่วประเทศ ปัจจัยหลักต้องพึ่งการท่องเที่ยวอยู่ดี ถ้าการท่องเที่ยวกลับมาบูมได้อีกครั้ง นักท่องเที่ยวต่างชาติมีจำนวนมากเหมือนยุคก่อนโควิด ภาคอสังหาฯจะฟื้นตัวตามการท่องเที่ยวโดยอัตโนมัติ
เบื้องต้นข้อเสนอต่อรัฐบาล คือ แนะนำให้เร่งฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด เพราะรายได้ 30% ของจีดีพีไทยมาจากการท่องเที่ยวบวกธุรกิจเกี่ยวเนื่องและภาคบริการทั้งหมด
ตั้งคำถามว่ายาแรงเพื่อฟื้นอสังหาฯต้องทำยังไงแนวคำตอบ คือ สำหรับลูกค้าต่างชาติถ้าเปิดประเทศให้เข้ามาท่องเที่ยว ได้เขามาอยู่แล้ว เปิดประเทศทั้งต้นทางปลายทาง จีนมาไทยไม่ต้องกักตัว ไทยไปจีนไม่ต้องกักตัว เพียงเท่านี้ธุรกิจก็จะฟื้นตัวได้โดยไม่ต้องไปกระตุ้นอะไร
สุดท้ายการท่องเที่ยวจะเป็นตัวนำพาทุกอย่างมา ดูจากสถิติตัวเลขแล้วนำมาประเมินจะพบว่าก่อนยุคโควิดอสังหาฯ ไทยมียอดขายจากลูกค้าต่างชาติเป็นแสนล้านบาทโดยที่ไม่ได้มีการให้วีซ่า 10 ปี ยอดขายยังถล่มทลาย ดังนั้น รอบนี้วีซ่าคงเป็นผลพลอยได้มากกว่า”
ทั้งนี้ อรรคเดช แชร์ข้อมูลด้วยว่า สถานการณ์โควิดทำให้ลูกค้าจีนดรอปการซื้อขายในเชียงใหม่ลงไปเยอะ เคยขายได้ 100% ปัจจุบันยอดขายเหลือ 10% สิ่งที่ น่าสนใจคือยอดขาย 10% ในยุคโควิด เป็นการซื้อโดยไม่ได้วิสิตไซต์ ซื้อโดยไม่เห็นของจริง ซื้อผ่านระบบวิดีโอคอล แสดงถึงความเชื่อใจที่ต่างชาติมีต่อโครงการ ดังนั้น จึงมองว่าไม่ได้เลวร้ายอะไรเพราะยังมีการซื้อเข้ามาอยู่บ้าง
“พอดีปี 2563 คอนโดฯอะไรส์ มหิดล อยู่ใกล้สนามบินเพิ่งสร้างเสร็จ 400 ยูนิต ขายต่างชาติเต็มโควตาเกือบ 200 ยูนิต ช่วงก่อนสงกรานต์เราเก็บยอดโอนได้ 140 ยูนิต ยอดขายก็ส่วนหนึ่งแต่ยอดโอนคือของจริง ถึงแม้ต่างชาติไม่ได้มาก็ยังมั่นใจสิ่งที่เขาซื้อ บางคนอาจบอกว่า เป็นเพราะเก็บเงินดาวน์เยอะ ก็ถูกนะครับ แต่ต่างชาติต้องมั่นใจด้วยยุคโควิดแม้ยอดขายต่ำแต่ยังมียอดโอน เรารู้เลยว่า คนต่างชาติยังอยากได้”
ข้อคิดเห็นทิ้งท้ายสอดคล้องกับนายกสมาคมอาคารชุดไทยในประเด็นขอให้รัฐบาลพิจารณาให้ PR-Permanent Residence เพราะเป็นสิทธิประโยชน์ที่ลูกค้าต่างชาติสนใจมากกว่าวีซ่า 10 ปี
อรสิรินเข้าร่วมโปรแกรมอีลิตการ์ด ซื้ออสังหาฯแล้วซื้อบัตรสมาชิกอีลิตการ์ดอีก 5 แสน จะได้วีซ่า 10 ปีเหมือนกัน แต่ไม่มียอดขายจากโปรแกรมนี้เลย คนจีนไม่ยอมจ่ายเพิ่มเพราะมองไม่เห็นความจำเป็น สามารถเข้าไทยได้สะดวกอยู่แล้ว
เปรียบเทียบจุดเด่นจุดด้อย PR ได้สิทธิตลอดชีพ แต่วีซ่าเป็นการอนุญาต ปีต่อปี ที่สำคัญจะได้รับการต่ออายุหรือเปล่าต้องลุ้นอีกต่างหาก
Reference: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ