SIRI พรีเซล4เดือน1.05หมื่นล. ผุด11โครงการ1.38หมื่นล.Q2
“แสนสิริ” โชว์ผลงาน 4 เดือนแรก กวาดยอดขาย 10,500 ล้านบาท คิดเป็น 30% ของเป้าปีนี้ที่ตั้งไว้ 35,000 ล้านบาท สะท้อนความต้องการที่อยู่อาศัยยังมีสูง ลุยเปิด 11 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 13,800 ล้านบาท ในไตรมาส 2/65
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ยอดขาย (Presale) ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-เมษายน) ทำได้ 10,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30% จากเป้าหมายยอดขาย 35,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบ 7,400 ล้านบาท คิดเป็น 70% และยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียมอีก 3,100 ล้านบาท คิดเป็น 30% สะท้อนถึงความต้องการที่อยู่อาศัยที่ยังมีอยู่มาก
“มั่นใจว่าจะสร้างผลงานยอดขายปีนี้ได้ตามเป้าหมาย 35,000 หรือเติบโตขึ้น 34% โดยในครึ่งปีหลังบริษัทจะมีรายได้เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากโครงการแนวราบที่ได้รับการตอบรับที่ดี รวมถึงบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ที่จะทยอยสร้างเสร็จและส่งมอบให้กับลูกค้าได้อีกจำนวนมาก ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/2565 เราสามารถทำรายได้รวมได้ถึง 5,220 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากการขาย 4,288 ล้านบาท ซึ่งมาจากการโอนโครงการแนวราบ 80% และโครงการคอนโดมิเนียม 20%”
ทั้งนี้ รายได้จากการตอบรับโอนที่อยู่อาศัยจากกลุ่มลูกค้าที่ดีอย่างต่อเนื่องในไตรมาสแรก ตอกย้ำถึง Real Demand และส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิ 303 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 5.8% ของรายได้รวม เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิ 5.6%
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/2565 บริษัทวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 13,800 ล้านบาท โดยล่าสุดได้ตัวโครงการ อณาสิริ รามคำแหง มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นครั้งแรกของแสนสิริ บนทำเลแห่งอนาคต รามคำแหง–กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ เป็นโครงการบ้านแฝดและทาวน์โฮมดีไซน์ใหม่ จำนวน 272 ยูนิต พื้นที่ใช้สอย 99-148 ตารางเมตร กับ 4 แบบบ้าน 4 ฟังก์ชัน รองรับการอยู่อาศัยในทุกรูปแบบความต้องการ ในราคา 3.69-8 ล้านบาท ทั้งนี้ การดำเนินงานตามแผนธุรกิจที่วางไว้จะทำให้บริษัทสร้างผลงานได้ตามเป้าหมายยอดขาย–ยอดโอน 35,000 ล้านบาท ตามที่วางไว้
นายอุทัย กล่าวอีกว่า ด้วยศักยภาพของทำเล “กรุงเทพกรีฑา” ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง จากการเป็นทำเลที่อยู่อาศัยคุณภาพ แวดล้อมด้วยไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่ดี ทั้งโรงเรียนนานาชาติชั้นนำ โรงพยาบาลชั้นนำ และคอมมูนิตี้มอลล์ที่เติมเต็มไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตสู่การเป็นเมืองเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีที่สุด รวมทั้งยังเป็นทำเลที่เดินทางสะดวก ด้วยเส้นทางคมนาคมที่หลากหลายและเดินทางเข้าสู่ย่านธุรกิจได้โดยง่าย
ดังนั้น บริษัทจึงได้พัฒนาสังคมที่อยู่อาศัยคุณภาพในทำเลนี้มาแล้ว 2 โครงการ ขนาดพื้นที่รวม 155 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 7,500 ล้านบาท อีกทั้งยังมีแผนพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มเติมในปีนี้ โดยล่าสุดพันธมิตรที่สำคัญอย่างบริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด จากประเทศญี่ปุ่น ยังได้ให้ความสนใจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยร่วมกันจากการมองเห็นศักยภาพของการพัฒนาเมืองในทำเลนี้ หลังจากประสบความสำเร็จจากการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมร่วมกันในก่อนหน้านี้มาแล้ว คาดจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น
